เหตุผลประกอบการตัดสินใจ ในการเลือกซื้อรองเท้าสไตล์ Classic Menswear ตอนที่ 2

ต่อเนื่องจากตอนที่แล้วนะครับ ผมขอพูดถึงรองเท้าอีก 4 คู่ ที่เหลือ และบทสรุปจากการใช้งานจริงที่ผ่านมาของผม เพื่อให้เพื่อนๆ ทุกคน ได้ลองนำไปปรับใช้ สำหรับการพิจารณาเลือกซื้อรองเท้ากันนะครับ

Tan Suede Tassel Loafer

Brand: Julietta Bangkok

Last: N/A

Structure: Cemented with Rubber Outsole

Price: THB 2,890.00

Tassel Loafer หนัง Suede สี Tan จากทาง Julietta Bangkok

ตามที่เขียนไว้ในโพสที่แล้วนะครับ หลังจากที่ผมมีรองเท้าสีเบสิค (น้ำตาล และดำ) ไปแล้วทั้งหมด 4 คู่ ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มมองหา รองเท้าที่มีสีอ่อนลง สำหรับใส่ในวันที่แต่งตัว Casual สบายๆ เช่น กางเกงสีเบจ สีเทาอ่อน สีออฟไวท์ เป็นต้น และในตอนนั้น ผมมีความอยากได้รองเท้า Tassel Loafer มากกว่า Penny

Leisure Hand Sewn (LHS) Snuff Suede Penny Loafer by Alden (Source: The Decorum BKK)

ส่วนเรื่องการเลือกสี ช่วงนั้นได้ดูรีวิวจากช่อง Bill Prapat (IG: @prapat.c) ที่รีวิวรองเท้า LHS Snuff Suede ของทางแบรนด์ Alden (ป้ายยา อ่ะไม่ใช่ ^_^ รีวิวไว้ดีมากเลยครับ ผมดูไปหลายรอบ) ทำให้ผมชอบรองเท้าหนังกลับ สี Tan มาก เพราะรู้สึกว่าใส่่กับกางเกงได้หลากหลาย ทั้งสี และประเภทของผ้า ใส่แล้วเท้าดูสะอาด ผิวสว่างขึ้น และที่สำคัญคือทำให้ลุคโดยรวมดู Casual แต่ยังมีความสุภาพ เรียบร้อย

รองเท้าสี Tan จะไปได้ดีกับกางเกงสีอ่อน เช่น สี off white ตามในรูป

แต่เนื่องจากเวลานั้น ผมคิดว่ายังไม่พร้อมที่จะลงทุนกับรองเท้าในราคาระดับ Alden จึงมองหาแบรนด์ทางเลือกอื่นๆ จนไปเจอ รีวิวของคุณจ๊อบ MartinPhu (IG: @martinphu) พูดเกี่ยวกับรองเท้าแบรนด์ Julietta Bangkok ไว้ละเอียดมาก และมีพูดถึง รีวิวของทางช่อง Art_Woek ซึ่งผมก็ตามไปดูอีก จนตัดสินใจเลือกซื้อกับทางแบรนด์ Julietta Bangkok

จะได้ความ Casual แต่ยังคงความสุภาพ เรียบร้อยอยู่

ตอนนั้นผมสั่งซื้อทางออนไลน์ เพราะว่าทาง Online Store ให้ข้อมูลไว้ค่อนข้างละเอียด ทำให้ผมมั่นใจในการสั่งว่า ผมสามารถใส่ได้แน่ๆ พอได้รองเท้ามาก็ไม่ผิดหวังนะครับ ผมได้ใส่รองเท้าคู่นี้บ่อยในวันหยุด หรือวันศุกร์ Casual Friday และผมจะได้คำชมจากคนรอบข้างบ่อยๆ ว่า รองเท้าสวย ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่ พอผมตอบกลับไป ทุกคนจะเซอร์ไพส์ว่า หน้าตาดีเกินราคาครับ

Rois Cordoban Tassel Loafer in Calf Leather

Brand: Berwick for Refinement

Made in Spain

Last: 8 Last Developed together between Berwick & The Refinement Bangkok

Structure: Unlined / Goodyear Welted / Leather Sole

Price: THB 7,900.00

Tassel Loafer หนัง Rois Cordovan เป็นหนังวัว จากทาง Berwick for Refinement

ผมว่าเพื่อนๆ หลายคน น่าจะเป็นเหมือนกับผม เมื่อถึงจุดที่เรามีรองเท้าเบสิค ไว้ในตู้รองเท้าเราระดับหนึ่งแล้ว จะต้องนึกถึงรองเท้าหนัง Shell Cordovan (หนังสะโพกม้า) ซึ่งจะมีความแตกต่างกับรองเท้าหนังวัวทั่วไปคือ มีความเงางามที่มากกว่า และการที่หนังจะไม่เป็นรอยริ้วๆ ย่นๆ บริเวณรอยพับต่างๆ แต่หนังจะทำตัวเป็นลอนคลื่นสวยงาม

แต่ก็เพราะความสวยงาม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของหนัง Shell Cordovan บวกกับกระบวนการคัดเลือกหนัง การฟอก และการทำย้อมสี ทำให้ราคารองเท้าหนัง Shell Cordovan นั้นสูงกว่ารองเท้าหนังวัว (Calf Skin) ไปค่อนข้างมาก ดังนั้นถ้าจะซื้อผมก็ต้องมั่นใจว่า เราจะต้องใส่ และใช้งานให้มันคุ้มค่า เลยวางแผนไว้ว่าจะต้องไปลองใส่ทุกคู่ที่เล็งเอาไว้

แน่นอนครับ ถ้าคิดจะซื้อรองเท้าหนัง Shell Cordovan ทุกคนต้องนึกถึง Alden (แบรนด์สัญชาติอเมริกา ซึ่งผลิตรองเท้ามายาวนานถึง 139 ปี) ผมได้ไปลองใส่ทั้งตัว Full Strap Penny Loafer และ Tassel Loafer ที่ร้าน The Decorum Bangkok แต่ปรากฎว่า ผมใส่แล้วไม่สบายเท้าเท่าที่ควร จึงตัดสินใจไม่ซื้อกลับมา

จะเห็นว่าสีของหนังจะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับหนัง Shell Cordovan อยู่พอสมควร

แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งทางเลือก เพราะว่าที่ร้าน The Refinement นั้นมีรองเท้า Berwick for Refinement โดยมีรุ่น Tassel Loafer ที่เป็นหนังสี Rois Cordovan ซึ่งเป็นหนังวัว ที่ผ่านกระบวนการฝอก และย้อมสี ให้มีลักษณะคล้ายกับหนัง Shell Cordovan แถมยังเป็น Unlined Structure อีกด้วย เพื่อนๆ สามารถเข้าไปดูรีวิวรองเท้า Berwick for Refinement ได้จากทั้งทาง ช่อง TaninS และ Signore Closet ทั้ง คุณนิน คุณเป้ และคุณแม็ค ทำรีวิวไว้ละเอียดมากครับ

หลังจากไปลองที่ร้าน The Refinement (กลับมาเจอทั้งคุณโอ และคุณน้ำอีกครั้งที่นี่) แล้วคือจบเลย เพราะจากที่ผมใส่ Berwick คู่ที่เป็น Suede Tassel Loafer ว่าสบายแล้ว ผมลองใส่คู่นี้รู้สึกใส่สบายกว่าอีก น่าจะเพราะคู่นี้เป็นโครงสร้างแบบ Unlined ด้วย (คือการลดทอนโครงสร้างแข็งที่ทำให้รองเท้าอยู่เป็นทรงได้ออกไปบางส่วน โดยที่ไม่ทำให้ทรงรองเท้าโคยรวม เสียความสวยงามไป)

Classic Balmoral Oxford Punched Cap Toe in Museum Calf Leather

Brand: TLB Mallorca Artista Collection

Made in Spain

Last: Picasso Last

Structure: Goodyear-Welted / Leather Sole / Closed Channel

Price: THB 17,500.00

เป็นรองเท้า Oxford ที่เรียบร้อย แต่ยังแฝงลูกเล่น ที่ทำให้แต่งตัวได้สนุกขึ้น

ตอนที่ผมกำลังตัดสินใจซื้อรองเท้าคู่นี้นั้น อยู่ในช่วงการระบาดโควิดลดลงแล้ว และผมกำลังจะได้รับสูท Bespoke จากทางร้าน The Primary Haus ด้วย จึงมีความคิดว่า ผมควรจะมีรองเท้า Oxford เพื่อเอาไว้ใส่กับชุดสูทสำหรับไปร่วมงานที่เป็นทางการ เช่นงานแต่งงาน หรือ การประชุมที่เป็นทางการมากๆ ไว้อย่างน้อย 1 คู่

ในตอนแรก ผมมีความคิดที่จะเลือกเป็น Plain Oxford Cap Toe สีดำ หรือสีน้ำตาล แต่ก็รู้สึกว่ามันเรียบจนเกินไป น่าจะใส่ได้ไม่บ่อย ไม่สนุก สำหรับผม การแต่งตัวเป็นเรื่องที่ผมมีความสุข และสนุกได้ทุกวัน มีหลายคนเคยมาถามว่า แต่งตัวแบบนี้เหนื่อยมั๊ย ผมตอบไปว่า ผมสนุกไปกับการแต่งตัวทุกวัน มันเหมือนเป็นสัญชาตญาณ ที่ผมสามารถวาดภาพในหัวได้เลยว่า วันต่อๆ ไปผมจะใส่เสื้อผ้าอะไรบ้าง

กลับมาที่เรื่องรองเท้า Oxford ในระหว่างที่ผมพยายามหารองเท้า Oxford ที่ไม่เรียบจนเกินไป มีลูกเล่นในการออกแบบ แต่ยังคงมีความเป็นทางการอยู่ด้วย ก็มาเจอกับ รีวิวของคุณเป้ Signore Closet พูดเกี่ยวกับรองเท้า Oxford ในรูปแบบต่างๆ ไว้อย่างน่าสนใจ ให้ความรู้และมีประโยชน์อย่างมากเลยครับ ซึ่งผมก็ไปสะดุดกับรองเท้า Balmoral Oxford ของแบรนด์ TLB Mallorca เข้าอย่างจัง

หุ่นรองเท้า Oxford ของทาง TLB จะมีความคอดของเอวรองเท้าค่อนข้างมาก ทำให้รองเท้ามีความน่าสนใจยิ่งขึ้น

ที่ผมสนใจงานออกแบบรองเท้าคู่นี้ก็เพราะว่า มันมีรูปแบบที่ตรงกับความต้องการของผมทุกประการ คือมีความเป็นทางการตามรูปแบบของรองเท้า Oxford ในขณะเดียวกันก็มีลูกเล่น เช่นงานฉลุ หรือ Brogue ที่บริเวณ เส้นรอยต่อของ Cap Toe และการเย็บรอยต่อของชิ้นหนังที่วนรอบตัวเป็นตัวยู (เป็นลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า Balmoral) แทนที่จะไปจบที่ส่วนของพื้นรองเท้าทั้งสองข้างตามแบบของรองเท้า Oxford ทั่วไป สุดท้ายคือหนัง Museum Calf ที่มีการทำสีน้ำตาลให้มีมิติเหมือนกับหินอ่อน ซึ่งดูน่าสนใจกว่าสีหนังเรียบๆ ทั่วไปมาก

ผมชื้อรองเท้าคู่นี้ที่ร้าน The Refinement และถือว่าเป็นรองเท้า Oxford คู่แรกที่ผมซื้อ (ก่อนหน้านี้มีรองเท้า Derby สีดำของทาง Paul Smith) ได้ไปลองใส่ โดยที่มีคุณโอ (IG: @hoeypresley) เป็นคนดูแล ให้คำปรึกษาเรื่องการเลือกไซส์ การผูกเชือก การดูแลรักษา เป็นอย่างดีเลยครับ และทางร้านยังมีบริการขัดรองเท้าแบบ Mirror Shine ให้ก่อนส่งมอบให้ลูกค้าด้วย รองเท้าจากที่สวยอยู่แล้ว พอได้คุณน้ำ (IG: @therefinement_nam) มาทำ Mirror Shine ให้อีกยิ่งสวยขึ้นอีกเยอะเลย

งาน Mirror Shine ฝีมือคุณน้ำ เพิ่มความสวยงามให้กับรองเท้าขึ้นอีกหลายเท่า

อีกหนึ่งบริการที่ผมว่าดีมากๆ สำหรับลูกค้าที่ซื้อรองเท้ากับทางร้าน The Refinement ทางร้านมีบริการ Basic Shoe Care ให้ตลอดอายุการใช้งานนะครับ เพียงนำรองเท้าที่ซื้อกับทางร้านมาทิ้งไว้ ทางร้าน The Refinement จะประสานกับทางร้าน Resh Shoe Repair Shop ที่อยู่ชั้นใต้ดิน Central Embassy ดำเนินการให้ ส่วนระยะเวลาต้องสอบถามกับทางร้านอีกทีนะครับ

Black Suede Belgian Loafer

Brand: Julietta Bangkok

Last: N/A

Structure: Completely Unlined / Cemented with Rubber Outsole

Price: THB 2,890.00

รองเท้า Belgian Loafer จะโชว์หลังเท้าค่อนข้างมาก แสดงให้เห็นถึงความเป็นทางการที่น้อย

แล้วเราก็มาถึงรองเท้าที่ผมซื้อมาเป็นคู่ล่าสุดกันแล้วนะครับ พอเรามีรองเท้าที่มีความเป็นทางการสูงมาก ลงมาจนถึงระดับกลางไว้หลายคู่ เพื่อใช้ในโอกาสต่างๆ กันและยังสามารถสลับใส่เพื่อยึดอายุการใช้งานของรองเท้าได้อีกด้วย (โดยปกติ ผมจะไม่ใส่รองเท้าคู่เดิม สองวันติดต่อกันนะครับ) ผมก็เริ่มมีความคิดว่าควรจะมีรองเท้าลำลอง ที่เป็นแบบ unlined ทั้งคู่ เพื่อสามารถแพ็คเก็บใส่กระเป๋าเดินทางได้แบบไม่เปลืองเนื้อที่กระเป๋า (ตอนนี้เริ่มจะเดินทางไปต่างประเทศได้แล้ว) โดยที่ยังคงความเป็น loafer อยู่ ซึ่งก็คือรองเท้า Belgian Loafer นั่นเองครับ

รองเท้า Belgian Loafer นั้นมีแบรนด์ให้เราเลือกได้เยอะ หลายระดับราคาเลยนะครับ เช่น Berwick, 42nd Royal Highland (ทางคุณอาร์ม (IG: @armkorakot) Americano Taste ได้เคยทำคลิป Test Drive ไว้น่าสนใจเลยครับ), และแบรนด์ที่น่าจะเป็นที่สุดของ Belgian Loafer ก็คือ Baudoin & Lange และผมก็ได้ไปลอง B&L หลายคู่เลยที่ร้าน The Refinement และบอกได้เลยครับว่า ใส่สบาย ใส่สวย เชื่อได้เลยว่าใครได้ไปลองต้องติดใจทุกคน

แต่ผมก็ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ B&L เพราะเหตุผลว่ามันสวย และมันดูน่าถนุถนอม เกินกว่าความตั้งใจที่ผมจะเอารองเท้า Belgian Loafer คู่นี้ไปใช้งานใส่ไปเดินเที่ยวต่างประเทศ หรือต่างจังหวัด จนผมได้มาเจอรีวิวของคุณจ๊อบ (อีกแล้ว ^_^) ที่พูดถึงรองเท้า Belgian Loafer หนังกลับสีดำของ Julietta Bangkok ซึ่งรองเท้าคู่นี้ตอบโจทย์ผมหมดทุกข้อ ทั้งเรื่องรูปทรง หนัง คุณภาพที่เหมาะสมกับราคาที่เข้าถึงง่าย

ในระดับราคานี้ และวัสดุที่ทางแบรนด์เลือกใช้ เราสามารถใส่รองเท้าคู่นี้แบบที่เราไม่ต้องกังวล ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกตินะครับ ว่าบางครั้งเราไม่จำเป็นจะต้องซื้อของที่มีราคาแพง และวัสดุที่ดีที่สุดเสมอไป มันอยู่ที่ว่าเราตั้งใจจะใช้งานในลักษณะไหนมากกว่า และ Julietta เข้ามาตอบสนองความต้องการของผมได้พอดี

บทสรุป

ก็จบไปแล้วนะครับ สำหรับรองเท้าทั้งหมด 8 คู่ที่ผมเลือกซื้อมาใส่เป็นประจำ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมคิดว่าผมไม่ค่อยมีปัญหากับการใส่รองเท้าทั้ง 8 คู่นี้นะครับ จะมีบทเรียนที่สำคัญก็คือการที่จะ “ต้องลองใส่ ลองเดินให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อ” และ “ถ้าหากรู้สึกว่ามันไม่พอดี อย่าคิดว่าพอใส่ไปแล้วมันจะดีขึ้น” รองเท้าหนังจะยืดออกในแนว ซ้าย-ขวา ได้บ้างนะครับ แต่จะไม่ยืดออกในแนว บน-ล่าง

ผมใส่รองเท้า Black Tassel Loafer ของ Mango Mojito น้อยที่สุด เพราะว่า ผมใส่แล้วเจ็บ ไม่สบายเท้า เนื่องจากวันที่ผมไปรับรองเท้า (ทางร้านจะรับเป็นแบบ Made to Order รอประมาณ 3-4 สัปดาห์) ซึ่งผมลองแล้วรู้สึกว่ามันคับไปที่เท้าขวา แต่เนื่องจากผมอยากจะใส่มาก และไม่อยากรอให้ทางร้านกลับไปแก้ ผมจึงรับรองเท้ากลับมา โดยหวังว่าพอใส่ไป เดี๋ยวมันคงจะดีขึ้น แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ (ขนาดใส่ติดต่อกันประมาณ 3-4 เดือน จนผมถอดใจ) หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะขอให้ทางร้านช่วยแก้ไขก่อนจะรับกลับมา

รองเท้าที่ใส่สบายที่สุด คือรองเท้า Belgian Loafer ของ Julietta Bangkok เพราะด้วยโครงสร้างที่เป็นแบบ completely unlined เวลาใส่รองเท้าคู่นี้จะให้ความรู้สึกเหมือนใส่รองเท้า slipper อยู่บ้านอย่างนั้นเลยครับ ถ้าเป็นวันหยุด หรือวันที่ผมอยากจะพักเท้า ผมจะนึกถึงรองเท้าคู่นี้เป็นลำดับแรก

ส่วนรองเท้าที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก จะจับใส่กับเสื้อผ้าแบบไหนก็น่าจะรอด สำหรับวันที่ไม่มีเวลาเตรียมตัว เรียกว่าเป็น Go-to ของผมเลยก็คือ Berwick Suede Tassel Loafer แถมยังใส่สบายมากๆ อีกด้วย เนื่องจากสีของรองเท้า การที่เป็นหนังกลับ และรูปแบบที่เป็น Tassel Loafer ทำให้รองเท้าคู่นี้แทบจะไปได้กับเสื้อผ้าทุกชุดของผม

ทั้งหมดที่ผมเขียนมาผมหวังว่าเพื่อนๆ พอจะได้แนวคิด เพื่อประกอบในการตัดสินใจเลือกซื้อรองเท้ากันบ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ หลักๆ ก็คือเรื่องระดับความเป็นทางการ การเลือกสี และรูปแบบให้เข้ากับความต้องการของแต่ละคนครับ และจากประสบการณ์นี้ทำให้ผมได้อะไรที่มากกว่ารองเท้า เพราะผมได้รู้จักกับเพื่อนๆ ในวงการ Classic Menswear มากขึ้น ไม่ว่าจะจากทางดูรีวิวในช่อง YouTube การติดตาม IG ของแต่ละท่าน และการได้พบปะพูดคุยกันในร้าน ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าในวงการนี้ ให้ความเป็นกันเอง และพร้อมเสมอที่จะแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และพร้อมที่จะสนับสนุนให้วงการนี้เติบโตอย่างแข็งแรง นี่คือแรงผลักดันที่สำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจทำเว็บไซต์นี้ขึ้นมานะครับ

สุดท้ายนี้ หากเพื่อนๆ มีข้อเสนอแนะว่าอยากจะให้ผมเขียนเกี่ยวกับอะไร มีข้อติชม เห็นด้วย หรือเห็นต่างตรงไหน สามารถเขียนมาในช่องคอมเม้นท์ด้านล่างได้เลยนะครับ ผมยินดีรับฟังความเห็นจากทุกๆ คน และหากมีข้อมูลอะไรผิดพลาด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ และฝากสนับสนุนผลงานของผมโดยการกดติดตาม IG: @mickyjicky และ @my.six.point.five.inch.wrist ขอบคุณครับ

แล้วเจอกันใหม่ ในโพสถัดไปครับ!!

เหตุผลประกอบการตัดสินใจ ในการเลือกซื้อรองเท้าสไตล์ Classic Menswear ตอนที่ 1

ผมขอเว้นการลงโพสเกี่ยวกับนาฬิกาก่อนนะครับสำหรับสัปดาห์นี้ อยากจะพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตัวสไตล์ Classic Menswear บ้าง สำหรับสัปดาห์นี้อยากจะขอพูดถึงไอเท็มที่สำคัญในลำดับต้นๆ สำหรับการแต่งตัวสไตล์ Classic Menswear นั้นก็คือ “รองเท้า” ครับ

โดยที่ผมจะขอเขียนอธิบาย โดยใช้ประสบการณ์ตรงที่ผมทยอยซื้อรองเท้าตลอดในช่วยระยะเวลา 2-3 ปี ที่ผ่านมา ว่าผมใช้เหตุผลประกอบการตัดสินใจ และหลักการคิดในการเลือกซื้อรองเท้าแต่ละคู่อย่างไรบ้าง เช่น ลำดับการซ์้อก่อน-หลัง การเลือกสี และการเลือกประเภทของหนัง เป็นต้น เผื่อว่าเพื่อนๆ คนไหนที่กำลังเริ่มสนใจ หรือกำลังตัดสินใจเลือกซื้อรองเท้าสไตล์ Classic Menswear อยู่ จะนำไปใช้ประโยชน์ได้บ้างนะครับ

ผมจะขอเรียงลำดับตามระยะเวลาที่ผมซื้อรองเท้า ตั้งแต่คู่แรกที่ผมเริ่มหันมาสนใจการแต่งตัวสไตล์นี้ จนถึงคู่ล่าสุดนะครับ มาเริ่มกันเลย!!

Dark Brown Calf Penny Loafer

Brand: Fugashin from The Decorum Bangkok

Last: Fortingall

Structure: Goodyear-Welted, Leather Sole

Price: THB 7,750.00

Dark Brown Calf Penny Loafer by Fugashin Shoes Maker

เหตุผลที่ผมตัดสินใจเลือกรองเท้าคู่นี้เป็นคู่แรก เนื่องมาจากว่าผมต้องการรองเท้าสีน้ำตาล เพราะสีน้ำตาลสามารถเข้ากับเสื้อผ้าได้หลากหลายสี มากกว่าสีดำ (รองเท้าสีดำมีความเป็นทางการสูงกว่า) และผมต้องการรองเท้าสไตล์ Loafer (คือสามารถสวมโดยไม่ต้องผูกเชือก) หากจะเลือก Tassel Loafer (คือรองเท้าที่มีพู่ห้อยอยู่ด้านหน้า) ก็จะดูลำลองเกินไป ก็เลยตัดสินใจเป็น Penny Loafer หนัง Calf (หนังวัวผิวเรียบ)

ผมใส่คู่กับถุงเท้า ribbed socks สีสนุกๆ จากทาง Votta มีจำหน่ายที่ The Decorum เช่นกัน

เพื่อนๆ จะเห็นว่ารองเท้าคู่นี้มีสีน้ำตาลกลางๆ ซึ่งจริงๆ แล้วหากจะเน้นใส่ไปทำงาน ก็ควรที่จะเป็นน้ำตาลที่เข้มกว่านี้ แต่เนื่องจากว่า ออฟฟิศที่ผมทำงาน ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการแต่งตัวมากขนาดเดียวกับ สำนักงานกฎหมาย ธนาคาร หรือ หน่วยงานราชการ การที่ผมเลือกสีน้ำตาลกลาง ทำให้ผมสามารถใส่รองเท้าคู่นี้ ในโอกาสอื่นๆ ได้ด้วย

กางเกงผ้า Cotton ผสม Linen ตัวนี้เป็นของ JBB* Menswear นะครับ

เหตุผลที่ผมเลือกแบรนด์ Fugashin ก็เพราะว่า อยู่ในช่วงราคาที่เหมาะสมกับการเริ่มต้นแต่งตัวแนวนี้ บวกกับคุณภาพหนัง และคุณภาพงานผลิตที่ผมมั่นใจได้ว่า รองเท้าคู่นี้จะอยู่กับผมไปได้อีกได้ 5-10 ปี (ด้วยการดูแลที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ) ผมจำได้ว่า ผมรู้จักรองเท้าแบรนด์นี้จากรีวิวของคุณนิน ช่อง TaninS (แต่ในรีวิวเป็นสีดำนะครับ) แถมตอนไปซื้อที่ Decorum ก็ได้เจอกับคุณโอ (IG: @hoeypresley) ซึ่งถือว่าโชคดีและเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เพราะคุณโอ ช่วยแนะนำผมเป็นอย่างดี และทำให้ผมรู้สึกว่า การมาร้าน Classic Menswear ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ตอนนี้คุณโอ มาประจำอยู่ที่ร้าน The Refinement แล้วนะครับ

Dark Brown Suede Tassel Loafer

Brand: Berwick Tassel Loafer 8491 Gum Oiled 173 from Curated and Co

Last: 8 Last

Structure: Goodyear-Welted, Leather Sole

Price: THB 8,800.00

Berwick Tassel Loafer รุ่น 8491 สี Gum Oiled 173 ตอนนี้สามารถหาซื้อได้จากทั้งทาง Curated and Co และ The Refinement ครับ

หลังจากที่ผมมีรองเท้า Penny Loafer คู่แรกไปแล้ว ผมก็เริ่มมองหา Tassel Loafer เพื่อใส่สลับ ในวันที่สามารถแต่งตัวลำลองได้มากขึ้น เช่น ไปออฟฟิศวันศุกร์ หรือสามารถใส่ไปเที่ยว เดินห้าง หรือไปคาเฟ่ ในวันหยุดได้ โดยที่ตัวเลือกก็จะมีเรื่องของ สี และประเภทของหนัง

เนื่องจากผมมีสีน้ำตาลกลางๆไปแล้ว ผมจึงเลือกคู่นี้เป็นสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งผมก็ยังไม่เลือกสีดำ เพราะจริงๆ แล้วรองเท้าสีดำเป็นสีที่มีข้อจำกัดในการใส่มากกว่าสีน้ำตาล (หลายๆ คน อาจจะคิดว่ารองเท้าสีดำ คือสีที่เบสิค ควรจะซื้อก่อน)

รองเท้ายี่ห้อ Berwick เป็นแบรนด์สัญชาติสเปน มีประวัติการทำรองเท้าค่อนข้างยาวนาน

ส่วนประเภทของหนัง เนื่องจากคู่ที่แล้วผมเลือกเป็นหนัง Calf (หนังวัวผิวเรียบ) ไปแล้ว คราวนี้ผมจึงเลือกเป็นหนัง Suede (หนังกลับ) เพื่อให้ได้ลุคที่เป็นลำลองมากกว่า และมีอีก 1 เหตุผลประกอบ คือว่าผมอยากจะลองใช้รองเท้าหนังกลับดูบ้าง (จำได้ว่าคู่สุดท้ายที่มีน่าจะสมัยอยู่ชั้นมัธยม และรู้สึกว่าดูแลรักษายาก) เพราะหลังจากที่เริ่มมาศึกษาเรื่องนี้มากขึ้น ทำให้ทราบว่า จริงๆ แล้วรองเท้าหนังกลับนั้นดูแลรักษาง่ายกว่าหนัง Calf เสียอีก (ใช้แปรงปัดฝุ่น ก่อนและหลังใช้งาน และฉีดสเปรย์กันน้ำ ไม่ต้องลงครีม ไม่ต้องขัด สำหรับการดูแลเบื้องต้น)

กางเกงตัวนี้เป็นผ้า Cotton จากทาง JBB* Menswear อีกเช่นเคย

จำได้ว่าตอนที่ไปซื้อรองเท้าคู่นี้ ผมตัดสินใจเลือก Berwick เพราะอยู่ในราคาที่เหมาะสม และคุณภาพเชื่อถือได้ ผมไปซื้อที่ร้าน Curated & Co ณ ตอนนั้น คุณน้ำ (IG: @therefinement_nam) เป็นคนที่ดูแลให้คำแนะนำในการซื้อเป็นอย่างดีมากๆ จำได้ว่าตอนนั้น ผมต้องอุ้มลูกสาวด้วยตลอดเวลา คุณน้ำให้ความช่วยเหลือ และบริการผมอย่างดีมากๆ ประทับใจมากครับ และตอนนี้คุณน้ำก็มาประจำอยู่ที่ร้าน The Refinement แล้วเช่นกันครับ

Black Calf Penny Loafer

Brand: Fugashin from The Decorum Bangkok

Last: Marton

Structure: Goodyear-Welted, Leather Shole

Price: THB 7,750.00

Penny Loafer คู่นี้จะเป็น Last ใหม่ชื่อ Marton จากทาง Fugashin Shoes Maker

แล้วก็มาถึงคิวรองเท้าสีดำกันบ้าง พอผมมีรองเท้าสีน้ำตาลมาแล้ว 2 คู่ คราวนี้ผมจึงตัดสินใจว่าเราควรจะมีรองเท้าสีดำ สำหรับใส่ในโอกาสที่เป็นทางการมากขึ้น เช่น วันที่มีประชุมที่เป็นทางการ หรือไปพบกับผู้ใหญ่วันที่เป็นทางการ หรือในวันทำงานที่ผมอยากจะแต่งตัวที่เป็นทางการมากเป็นพิเศษ (ส่วนใหญ่จะเป็นต้นสัปดาห์)

แต่ผมก็ยังไม่เลือกรองเท้า Cap-toe Oxford (รองเท้าหนังสีดำผูกเชือก ที่มีความเป็นทางการสูง) อยู่ดี เพราะผมคิดว่าโอกาสที่จะใช้นั้นมีน้อยมากๆ (ณ ตอนนั้น โควิดยังระบาดหนัก งานแต่งงาน หรืองานศพ ยังจัดไม่ได้เลย) ผมจึงเลือกเป็น Penny Loafer ก่อน แล้วคิดว่า Tassel Loafer ค่อยไปซื้อหลังจากคู่นี้

กางเกงตัวนี้เป็นผ้า Wool สี Navy จากทาง JBB* Menswear

ส่วนเหตุผลที่ผมยังคงเลือกเป็นแบรนด์ Fugashin โดยที่ไม่ไปลองซื้อแบรนด์อื่น ก็เพราะว่า

  • ผมจะรู้สึกสบายใจที่จะจ่ายเงินที่ระดับราคาเท่านี้
  • ประสบการณ์จากการใส่ Fugashin คู่แรก รู้สึกประทับใจ ใส่สบาย และคูณภาพหนังยังดูดี แม้จะใช้งานมา 1 ปีแล้วก็ตาม
  • Fugashin ได้มีการอัพเดท Last (ทรงของรองเท้า) ใหม่สำหรับ Penny Loafer โดยนำความเห็นของผู้ใช้งาน มาปรับปรุงใน Last ใหม่นี้ โดยที่ผมตัดสินใจซื้อก็เพราะได้ดูคลิปที่คุณจ๊อบ Martinphu รีวิวรองเท้าคูนี้ไว้ละเอียดดีมากเลยครับ
Fugashin Shoes Maker เป็นแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น แต่โรงงานผลิตจะอยู่ที่ประเทศเวียดนาม

ส่วนการซื้อรองเท้าคู่นี้ เนื่องจากยังเป็นช่วงโควิดระบาด และผมรู้อยู่แล้วว่าตัวเองใส่ไซส์อะไรอยู่ จึงตัดสินใจซื้อจากทางร้าน The Decorum ผ่านทาง Line application โดยได้ chat กับทางพนักงาน สอบถามเรื่อง Last และเรื่องไซส์ ให้แน่ใจว่าเราใส่ได้แน่ๆ แล้วจึงโอนเงิน online แล้วให้ทางร้านส่งของมาที่บ้าน ถ้าจำไม่ผิด แค่ 1 วัน รองเท้าก็มาส่งที่บ้านใน Package อย่างดี กล่องและรองเท้ามาในสภาพสมบูรณ์ทุกอย่างครับ

Black Tassel Loafer

Brand: Mango Mojito

Last: ML Last

Structure: Goodyear-Welted with Closed Channel

Price: THB 5,880.00

Black Tassel Loafer ML Last จากทาง Mango Mojito

ตามที่เกริ่นไว้ในคู่ก่อนหน้านี้นะครับ พอมี Penny Loafer สีดำแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผมตัดสินใจซื้อ Tassel Loafer สีดำบ้าง จะเห็นว่าผมก็ใช้หลักการคิดแบบเดียวกับตอนที่ผมเลือกซื้อรองเท้าซื้อน้ำตาล เพียงแค่ว่า สำหรับผมแล้ว ผมสามารถนำรองเท้าน้ำตาลมาใส่กับเสื้อผ้าที่ผมมี และสามารถใส่ไปในโอกาสต่างๆ ได้หลากหลายกว่า รองเท้าสีดำ

ซึ่งจริงๆ แล้ว เพื่อนๆ อาจจะตัดสินใจเลือกซื้อรองเท้าสีดำก่อนก็ได้ อันนี้มันไม่มีผิดหรือถูกนะครับ อยู่ที่ความสะดวกของแต่ละบุคคลเลยครับ เพราะรองเท้า Penny และ Tassel สีดำ ก็สามารถเอาไปใส่ แต่งตัวได้หลากหลายเช่นกัน

แบรนด์ Mango Mojito เป็นของคนไทย ที่น่าสนับสนุน

ที่ผมตัดสินใจเลือกซื้อแบรนด์ Mango Mojito ก็มาจากการศึกษารีวิว จากแหล่งต่างๆโดยเฉพาะเว็บ MenDetails ได้เขียนโพสรีวิวเกี่ยวกับ Mango Mojito ไว้โดยเฉพาะ และพอได้คุยกับทางร้านทำให้ทราบว่า ทางร้านมี option ให้เราเลือกได้ด้วยว่า จะเลือกพื้นรองเท้าเป็น Closed Channel (คือการทำพื้นรองเท้าที่ซ่อนรอยเย็บไว้ใต้แผ่นหนังอีกที โดยปกติถ้าเป็นแบรนด์อื่นๆ จะทำเฉพาะในรุ่น hi-grade เท่านั้น) หรือ จะเลือกติดพื้นยาง half-sole มาจากโรงงานได้เลย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกด้วย

กางเกงผ้า wool ผสมตัวนี้เป็นของ Zara ผมใส่มาน่าจะเกิน 10 ปีแล้ว ยังสภาพดีอยู่เลย

และด้วยอีกเหตุผลนึง คือผมต้องการสนับสนุนสินค้าที่คิด และผลิตด้วยฝีมือคนไทย ซึ่งแบรนด์ Mango Mojito ก็เป็นแบรนด์รองเท้าคนไทยที่เปิดมานาน น่าเชื่อถือ และยังพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง และมีโรงงานผลิตรองเท้าเป็นของตัวเอง

บทสรุป

ก็จบไปแล้ว 4 คู่แรกนะครับสำหรับโพสนี้ จะเรียกได้ว่า เป็น 4 คู่ที่เป็น Essential item สำหรับการเริ่มต้นแต่งตัวสไตล์ Classic Menswear ของผมก็ว่าได้นะครับ เพื่อความกระชับ ผมจะขอเขียนเกี่ยวกับรองเท้าอีก 4 คู่ที่เหลือ ที่จะเริ่มมีลูกเล่น มีรูปแบบที่สนุกขึ้น มีสีสันมากขึ้น ในโพสถัดไปนะครับ และผมจะเขียนสรุปให้เพื่อนๆ ทราบด้วยว่า จากที่ผมใส่รองเท้าทั้งหมดประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา ผมชอบใส่คู่ไหน? คู่ไหนใส่สบายที่สุด? คู่ไหนใส่น้อยที่สุด? และปัญหาที่ผมได้เจอมา อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ

สุดท้ายนี้ หากเพื่อนๆ มีข้อเสนอแนะ ข้อติชม เห็นด้วย หรือเห็นต่างตรงไหน สามารถเขียนมาในช่องคอมเม้นท์ด้านล่างได้เลยนะครับ ยินดีรับฟังความเห็นจากทุกๆ คน หากมีข้อมูลอะไรผิดพลาด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และฝากสนับสนุนผลงานของผมโดยการกดติดตาม IG: @mickyjicky (ตอนนี้สามารถดู Instagram Latest Feed และกดปุ่มติดตามได้จากหน้า Home แล้วนะครับ) ขอบคุณครับ

แล้วเจอกันใหม่ ในโพสถัดไปครับ!!