เหตุผลประกอบการตัดสินใจ ในการเลือกซื้อรองเท้าสไตล์ Classic Menswear ตอนที่ 1

ผมขอเว้นการลงโพสเกี่ยวกับนาฬิกาก่อนนะครับสำหรับสัปดาห์นี้ อยากจะพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตัวสไตล์ Classic Menswear บ้าง สำหรับสัปดาห์นี้อยากจะขอพูดถึงไอเท็มที่สำคัญในลำดับต้นๆ สำหรับการแต่งตัวสไตล์ Classic Menswear นั้นก็คือ “รองเท้า” ครับ

โดยที่ผมจะขอเขียนอธิบาย โดยใช้ประสบการณ์ตรงที่ผมทยอยซื้อรองเท้าตลอดในช่วยระยะเวลา 2-3 ปี ที่ผ่านมา ว่าผมใช้เหตุผลประกอบการตัดสินใจ และหลักการคิดในการเลือกซื้อรองเท้าแต่ละคู่อย่างไรบ้าง เช่น ลำดับการซ์้อก่อน-หลัง การเลือกสี และการเลือกประเภทของหนัง เป็นต้น เผื่อว่าเพื่อนๆ คนไหนที่กำลังเริ่มสนใจ หรือกำลังตัดสินใจเลือกซื้อรองเท้าสไตล์ Classic Menswear อยู่ จะนำไปใช้ประโยชน์ได้บ้างนะครับ

ผมจะขอเรียงลำดับตามระยะเวลาที่ผมซื้อรองเท้า ตั้งแต่คู่แรกที่ผมเริ่มหันมาสนใจการแต่งตัวสไตล์นี้ จนถึงคู่ล่าสุดนะครับ มาเริ่มกันเลย!!

Dark Brown Calf Penny Loafer

Brand: Fugashin from The Decorum Bangkok

Last: Fortingall

Structure: Goodyear-Welted, Leather Sole

Price: THB 7,750.00

Dark Brown Calf Penny Loafer by Fugashin Shoes Maker

เหตุผลที่ผมตัดสินใจเลือกรองเท้าคู่นี้เป็นคู่แรก เนื่องมาจากว่าผมต้องการรองเท้าสีน้ำตาล เพราะสีน้ำตาลสามารถเข้ากับเสื้อผ้าได้หลากหลายสี มากกว่าสีดำ (รองเท้าสีดำมีความเป็นทางการสูงกว่า) และผมต้องการรองเท้าสไตล์ Loafer (คือสามารถสวมโดยไม่ต้องผูกเชือก) หากจะเลือก Tassel Loafer (คือรองเท้าที่มีพู่ห้อยอยู่ด้านหน้า) ก็จะดูลำลองเกินไป ก็เลยตัดสินใจเป็น Penny Loafer หนัง Calf (หนังวัวผิวเรียบ)

ผมใส่คู่กับถุงเท้า ribbed socks สีสนุกๆ จากทาง Votta มีจำหน่ายที่ The Decorum เช่นกัน

เพื่อนๆ จะเห็นว่ารองเท้าคู่นี้มีสีน้ำตาลกลางๆ ซึ่งจริงๆ แล้วหากจะเน้นใส่ไปทำงาน ก็ควรที่จะเป็นน้ำตาลที่เข้มกว่านี้ แต่เนื่องจากว่า ออฟฟิศที่ผมทำงาน ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการแต่งตัวมากขนาดเดียวกับ สำนักงานกฎหมาย ธนาคาร หรือ หน่วยงานราชการ การที่ผมเลือกสีน้ำตาลกลาง ทำให้ผมสามารถใส่รองเท้าคู่นี้ ในโอกาสอื่นๆ ได้ด้วย

กางเกงผ้า Cotton ผสม Linen ตัวนี้เป็นของ JBB* Menswear นะครับ

เหตุผลที่ผมเลือกแบรนด์ Fugashin ก็เพราะว่า อยู่ในช่วงราคาที่เหมาะสมกับการเริ่มต้นแต่งตัวแนวนี้ บวกกับคุณภาพหนัง และคุณภาพงานผลิตที่ผมมั่นใจได้ว่า รองเท้าคู่นี้จะอยู่กับผมไปได้อีกได้ 5-10 ปี (ด้วยการดูแลที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ) ผมจำได้ว่า ผมรู้จักรองเท้าแบรนด์นี้จากรีวิวของคุณนิน ช่อง TaninS (แต่ในรีวิวเป็นสีดำนะครับ) แถมตอนไปซื้อที่ Decorum ก็ได้เจอกับคุณโอ (IG: @hoeypresley) ซึ่งถือว่าโชคดีและเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เพราะคุณโอ ช่วยแนะนำผมเป็นอย่างดี และทำให้ผมรู้สึกว่า การมาร้าน Classic Menswear ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ตอนนี้คุณโอ มาประจำอยู่ที่ร้าน The Refinement แล้วนะครับ

Dark Brown Suede Tassel Loafer

Brand: Berwick Tassel Loafer 8491 Gum Oiled 173 from Curated and Co

Last: 8 Last

Structure: Goodyear-Welted, Leather Sole

Price: THB 8,800.00

Berwick Tassel Loafer รุ่น 8491 สี Gum Oiled 173 ตอนนี้สามารถหาซื้อได้จากทั้งทาง Curated and Co และ The Refinement ครับ

หลังจากที่ผมมีรองเท้า Penny Loafer คู่แรกไปแล้ว ผมก็เริ่มมองหา Tassel Loafer เพื่อใส่สลับ ในวันที่สามารถแต่งตัวลำลองได้มากขึ้น เช่น ไปออฟฟิศวันศุกร์ หรือสามารถใส่ไปเที่ยว เดินห้าง หรือไปคาเฟ่ ในวันหยุดได้ โดยที่ตัวเลือกก็จะมีเรื่องของ สี และประเภทของหนัง

เนื่องจากผมมีสีน้ำตาลกลางๆไปแล้ว ผมจึงเลือกคู่นี้เป็นสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งผมก็ยังไม่เลือกสีดำ เพราะจริงๆ แล้วรองเท้าสีดำเป็นสีที่มีข้อจำกัดในการใส่มากกว่าสีน้ำตาล (หลายๆ คน อาจจะคิดว่ารองเท้าสีดำ คือสีที่เบสิค ควรจะซื้อก่อน)

รองเท้ายี่ห้อ Berwick เป็นแบรนด์สัญชาติสเปน มีประวัติการทำรองเท้าค่อนข้างยาวนาน

ส่วนประเภทของหนัง เนื่องจากคู่ที่แล้วผมเลือกเป็นหนัง Calf (หนังวัวผิวเรียบ) ไปแล้ว คราวนี้ผมจึงเลือกเป็นหนัง Suede (หนังกลับ) เพื่อให้ได้ลุคที่เป็นลำลองมากกว่า และมีอีก 1 เหตุผลประกอบ คือว่าผมอยากจะลองใช้รองเท้าหนังกลับดูบ้าง (จำได้ว่าคู่สุดท้ายที่มีน่าจะสมัยอยู่ชั้นมัธยม และรู้สึกว่าดูแลรักษายาก) เพราะหลังจากที่เริ่มมาศึกษาเรื่องนี้มากขึ้น ทำให้ทราบว่า จริงๆ แล้วรองเท้าหนังกลับนั้นดูแลรักษาง่ายกว่าหนัง Calf เสียอีก (ใช้แปรงปัดฝุ่น ก่อนและหลังใช้งาน และฉีดสเปรย์กันน้ำ ไม่ต้องลงครีม ไม่ต้องขัด สำหรับการดูแลเบื้องต้น)

กางเกงตัวนี้เป็นผ้า Cotton จากทาง JBB* Menswear อีกเช่นเคย

จำได้ว่าตอนที่ไปซื้อรองเท้าคู่นี้ ผมตัดสินใจเลือก Berwick เพราะอยู่ในราคาที่เหมาะสม และคุณภาพเชื่อถือได้ ผมไปซื้อที่ร้าน Curated & Co ณ ตอนนั้น คุณน้ำ (IG: @therefinement_nam) เป็นคนที่ดูแลให้คำแนะนำในการซื้อเป็นอย่างดีมากๆ จำได้ว่าตอนนั้น ผมต้องอุ้มลูกสาวด้วยตลอดเวลา คุณน้ำให้ความช่วยเหลือ และบริการผมอย่างดีมากๆ ประทับใจมากครับ และตอนนี้คุณน้ำก็มาประจำอยู่ที่ร้าน The Refinement แล้วเช่นกันครับ

Black Calf Penny Loafer

Brand: Fugashin from The Decorum Bangkok

Last: Marton

Structure: Goodyear-Welted, Leather Shole

Price: THB 7,750.00

Penny Loafer คู่นี้จะเป็น Last ใหม่ชื่อ Marton จากทาง Fugashin Shoes Maker

แล้วก็มาถึงคิวรองเท้าสีดำกันบ้าง พอผมมีรองเท้าสีน้ำตาลมาแล้ว 2 คู่ คราวนี้ผมจึงตัดสินใจว่าเราควรจะมีรองเท้าสีดำ สำหรับใส่ในโอกาสที่เป็นทางการมากขึ้น เช่น วันที่มีประชุมที่เป็นทางการ หรือไปพบกับผู้ใหญ่วันที่เป็นทางการ หรือในวันทำงานที่ผมอยากจะแต่งตัวที่เป็นทางการมากเป็นพิเศษ (ส่วนใหญ่จะเป็นต้นสัปดาห์)

แต่ผมก็ยังไม่เลือกรองเท้า Cap-toe Oxford (รองเท้าหนังสีดำผูกเชือก ที่มีความเป็นทางการสูง) อยู่ดี เพราะผมคิดว่าโอกาสที่จะใช้นั้นมีน้อยมากๆ (ณ ตอนนั้น โควิดยังระบาดหนัก งานแต่งงาน หรืองานศพ ยังจัดไม่ได้เลย) ผมจึงเลือกเป็น Penny Loafer ก่อน แล้วคิดว่า Tassel Loafer ค่อยไปซื้อหลังจากคู่นี้

กางเกงตัวนี้เป็นผ้า Wool สี Navy จากทาง JBB* Menswear

ส่วนเหตุผลที่ผมยังคงเลือกเป็นแบรนด์ Fugashin โดยที่ไม่ไปลองซื้อแบรนด์อื่น ก็เพราะว่า

  • ผมจะรู้สึกสบายใจที่จะจ่ายเงินที่ระดับราคาเท่านี้
  • ประสบการณ์จากการใส่ Fugashin คู่แรก รู้สึกประทับใจ ใส่สบาย และคูณภาพหนังยังดูดี แม้จะใช้งานมา 1 ปีแล้วก็ตาม
  • Fugashin ได้มีการอัพเดท Last (ทรงของรองเท้า) ใหม่สำหรับ Penny Loafer โดยนำความเห็นของผู้ใช้งาน มาปรับปรุงใน Last ใหม่นี้ โดยที่ผมตัดสินใจซื้อก็เพราะได้ดูคลิปที่คุณจ๊อบ Martinphu รีวิวรองเท้าคูนี้ไว้ละเอียดดีมากเลยครับ
Fugashin Shoes Maker เป็นแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น แต่โรงงานผลิตจะอยู่ที่ประเทศเวียดนาม

ส่วนการซื้อรองเท้าคู่นี้ เนื่องจากยังเป็นช่วงโควิดระบาด และผมรู้อยู่แล้วว่าตัวเองใส่ไซส์อะไรอยู่ จึงตัดสินใจซื้อจากทางร้าน The Decorum ผ่านทาง Line application โดยได้ chat กับทางพนักงาน สอบถามเรื่อง Last และเรื่องไซส์ ให้แน่ใจว่าเราใส่ได้แน่ๆ แล้วจึงโอนเงิน online แล้วให้ทางร้านส่งของมาที่บ้าน ถ้าจำไม่ผิด แค่ 1 วัน รองเท้าก็มาส่งที่บ้านใน Package อย่างดี กล่องและรองเท้ามาในสภาพสมบูรณ์ทุกอย่างครับ

Black Tassel Loafer

Brand: Mango Mojito

Last: ML Last

Structure: Goodyear-Welted with Closed Channel

Price: THB 5,880.00

Black Tassel Loafer ML Last จากทาง Mango Mojito

ตามที่เกริ่นไว้ในคู่ก่อนหน้านี้นะครับ พอมี Penny Loafer สีดำแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผมตัดสินใจซื้อ Tassel Loafer สีดำบ้าง จะเห็นว่าผมก็ใช้หลักการคิดแบบเดียวกับตอนที่ผมเลือกซื้อรองเท้าซื้อน้ำตาล เพียงแค่ว่า สำหรับผมแล้ว ผมสามารถนำรองเท้าน้ำตาลมาใส่กับเสื้อผ้าที่ผมมี และสามารถใส่ไปในโอกาสต่างๆ ได้หลากหลายกว่า รองเท้าสีดำ

ซึ่งจริงๆ แล้ว เพื่อนๆ อาจจะตัดสินใจเลือกซื้อรองเท้าสีดำก่อนก็ได้ อันนี้มันไม่มีผิดหรือถูกนะครับ อยู่ที่ความสะดวกของแต่ละบุคคลเลยครับ เพราะรองเท้า Penny และ Tassel สีดำ ก็สามารถเอาไปใส่ แต่งตัวได้หลากหลายเช่นกัน

แบรนด์ Mango Mojito เป็นของคนไทย ที่น่าสนับสนุน

ที่ผมตัดสินใจเลือกซื้อแบรนด์ Mango Mojito ก็มาจากการศึกษารีวิว จากแหล่งต่างๆโดยเฉพาะเว็บ MenDetails ได้เขียนโพสรีวิวเกี่ยวกับ Mango Mojito ไว้โดยเฉพาะ และพอได้คุยกับทางร้านทำให้ทราบว่า ทางร้านมี option ให้เราเลือกได้ด้วยว่า จะเลือกพื้นรองเท้าเป็น Closed Channel (คือการทำพื้นรองเท้าที่ซ่อนรอยเย็บไว้ใต้แผ่นหนังอีกที โดยปกติถ้าเป็นแบรนด์อื่นๆ จะทำเฉพาะในรุ่น hi-grade เท่านั้น) หรือ จะเลือกติดพื้นยาง half-sole มาจากโรงงานได้เลย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกด้วย

กางเกงผ้า wool ผสมตัวนี้เป็นของ Zara ผมใส่มาน่าจะเกิน 10 ปีแล้ว ยังสภาพดีอยู่เลย

และด้วยอีกเหตุผลนึง คือผมต้องการสนับสนุนสินค้าที่คิด และผลิตด้วยฝีมือคนไทย ซึ่งแบรนด์ Mango Mojito ก็เป็นแบรนด์รองเท้าคนไทยที่เปิดมานาน น่าเชื่อถือ และยังพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง และมีโรงงานผลิตรองเท้าเป็นของตัวเอง

บทสรุป

ก็จบไปแล้ว 4 คู่แรกนะครับสำหรับโพสนี้ จะเรียกได้ว่า เป็น 4 คู่ที่เป็น Essential item สำหรับการเริ่มต้นแต่งตัวสไตล์ Classic Menswear ของผมก็ว่าได้นะครับ เพื่อความกระชับ ผมจะขอเขียนเกี่ยวกับรองเท้าอีก 4 คู่ที่เหลือ ที่จะเริ่มมีลูกเล่น มีรูปแบบที่สนุกขึ้น มีสีสันมากขึ้น ในโพสถัดไปนะครับ และผมจะเขียนสรุปให้เพื่อนๆ ทราบด้วยว่า จากที่ผมใส่รองเท้าทั้งหมดประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา ผมชอบใส่คู่ไหน? คู่ไหนใส่สบายที่สุด? คู่ไหนใส่น้อยที่สุด? และปัญหาที่ผมได้เจอมา อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ

สุดท้ายนี้ หากเพื่อนๆ มีข้อเสนอแนะ ข้อติชม เห็นด้วย หรือเห็นต่างตรงไหน สามารถเขียนมาในช่องคอมเม้นท์ด้านล่างได้เลยนะครับ ยินดีรับฟังความเห็นจากทุกๆ คน หากมีข้อมูลอะไรผิดพลาด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และฝากสนับสนุนผลงานของผมโดยการกดติดตาม IG: @mickyjicky (ตอนนี้สามารถดู Instagram Latest Feed และกดปุ่มติดตามได้จากหน้า Home แล้วนะครับ) ขอบคุณครับ

แล้วเจอกันใหม่ ในโพสถัดไปครับ!!