My Perfect Dress Shirt by Ascot Chang

In April this year 2024, Decorum Bangkok held a Trunk Show by Ascot Chang. My intention for this year was to focus more on the Bespoke and MTM piece rather than the RTW items.

Therefore I decided to commission a dress shirt with Ascot Chang with some preferences in mind as follow:

  • A Dress/Formal Shirt
  • Vintage cloth in Ascot Chang archives
  • Spread Collar with a wider and pointer shape
  • Snugged barrel cuff which I prefer my right cuff a bit wider for my wrist watch
  • Initial embroidery

After measurement and cloth/details selection about 1.5 month, I got the 1st fitting in June with a completely finished shirt. Even though the program that I commissioned was called MTM Program but the way the AC staff measured my body is very much a Bespoke process and from the 1st fitting I can definitely say that this is a Bespoke Shirt (also a staff at Decorum supported my idea).

From my 1st fitting, there were some adjustments on my shoulder and on my back to make the shirt a cleaner look (to eliminate the excess fabric). The rest of the shirt i.e. the length of the sleeve, the fit around my neck, cuff, chest were perfect!!

Then the final shirt arrived in the beginning of September (after about 4 months). My experience with this shirt was so impressive as you guys can guess from the title. I would like to summarized as below:

  • Collar: the shape is perfect as I expected and the most important thing is that it’s very soft but it beautifully roll and maintain its shape all day long for both buttoned with tie all day long and an open collar look.
  • Cuff: as my preference that I like a snugged fit and I wanted my right cuff a bit wider to make room for my wrist watch, it turned out perfectly without any crease or discomfort which I experience from other tailor.
  • Fitting: my really love the silhouette of this shirt which hardly to explain why. What I can say is that it make me look slim and very elegant. And it’s very comfortable for both when I stay still and moving especially when I raise my arms the shirt still stay tucked in nicely.
  • Fabric: I chose a pale blue with a white micro stripe which has a subtle detail on the white strip like a stitching or some kind of weaving technique when you look closely it’s really elevate the look of the shirt
  • Details: Every detail of this shirt is very delicate and when to see and touch it reflects a high craftsmanship i.e. buttons, button holes, all stitching, side seams and even the initial embroidery is very crisp.

All in all I am so impressed with this shirt and if I have a chance, I wouldn’t think twice to commission more.

In someday, we might want to wear a very nice shirt for rewarding ourself for what we have achieved or make us feel more confident for a special day. Ascot Chang shirt is that kind of shirt for that kind of days.

ทำไมถึงแต่งตัวสไตล์ classic menswear?

หลังจากที่ห่างจากการเขียนบทความลงบนเว็บไซต์ มาสักพักใหญ่ๆ เนื่องจากงานหลักผมที่ทำอยู่นั้น เริ่มกลับมาอยู่ในช่วงที่ผมต้องให้ความสำคัญมากขึ้น แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้สะดุดกับคำถามจากน้องที่รู้จักกันเป็นอย่างดีท่านนึง ซึ่งน้องคนนี้อาจจะไม่ได้มีความคุ้นเคยกับการแต่งตัวสไตล์ classic menswear แต่น้องท่านนี้ก็เป็นหนึ่งใน follower ใน IG ของผม น้องคนนี้สงสัยว่าผมทำอะไรใน IG เลยถามผมว่า “ทำไมถึงแต่งตัวสไตล์ที่พี่แต่งอยู่?”

เนื่องจากบทสนทนานี้เกิดขึ้นบนโต๊ะอาหาร ซึ่งผมก็ตอบไปตามที่ผมนึกคำตอบได้ ณ ตอนนั้น และด้วยบริบทการทานอาหาร และดื่มไวน์ไปหลายแก้ว (เพื่อนๆ คงพอจะนึกภาพตามออก) ทำให้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ตอบน้องท่านนั้นไปว่า “มันเป็นความชอบส่วนตัว เป็นสิ่งที่ผมหลงไหล ชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก” นั้น มันยังไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง ซึ่งจริงๆ แล้วมันมีเหตุผลอีกหลายๆ ข้อที่ผมนึกขึ้นมาได้ ระหว่างที่ผมเดินทางกลับบ้าน แล้วคำถามนี้มันก็เกาะอยู่ในหัวผมมาตลอด จนทำให้ผมรู้สึกว่า ผมต้องเขียนมันออกมาได้ตามนี้ครับ…

เราไม่ต้องวิ่งตามเทรนด์ หรือตามกระแสแฟชั่น

Classic Menswear in a modern environment. (photo credit: The Anthology)

เพราะขึ้นชื่อว่า classic ดังนั้น มันคือความ timeless มันไม่ใช่แฟชั่นที่เป็น seasonal ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่ว่าการแต่งกายสไตล์นี้ ก็ไม่ใช่ว่า มันไม่มีการเปลี่ยนแปลงนะครับ แต่มันเป็นการค่อยๆ ปรับเปลี่ยน (evolving over time) ดีเทลต่างๆ ไปตามยุคสมัย โดยที่ภาพรวมยังคงเดิม

ทำให้เรามีเวลามาใส่ใจในรายละเอียด เช่นการเลือกชนิดและสีของผ้า การจับคู่สี และการ mix & match กับเสื้อผ้าที่มีอยู่แล้วในตู้เสื้อผ้าของเรา

Fabric Selection Process

การใส่ใจในรายละเอียดที่พูดถึง เช่น การเลือกประเภทของผ้าที่จะใช้กับเชิ้ต, กางเกง หรือ jacket เพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศ และ/หรือ โอกาสที่เราจะใส่มัน อีกหนึ่งตัวอย่างก็คือการเลือกประเภทของรองเท้า หรือชนิดของหนังสำหรับรองเท้าที่เราจะใส่ในโอกาสต่างๆ นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วน มันยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ในเราพิจารณาอีกหลายอย่างนะครับ

และการที่การแต่งตัวสไตล์นี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน การที่เราได้ศึกษา ถึงที่มา และเหตุผลในการออกแบบเสื้อผ้า และ accessories ต่างๆ จะยิ่งที่ให้เราเข้าใจการใช้งาน และสามารถประยุกต์ให้เข้ากับ context ปัจจุบัน และถูกกาละเทศะได้ดียิ่งขึ้น เพราะการที่จะเราเพียงแต่ใส่ตามรูปแบบสมัยก่อนโดยที่ไม่เข้าใจเหตุผล อาจจะทำให้การใส่เสื้อผ้าสไตล์นี้ เหมือนเราใส่ costume (เหมือนในฉากหนัง หรือ งานแฟนซี) มากกว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่เราใส่ในชีวิตประจำวัน

ทำให้เราได้รู้จัก Artisans หรือ Tailors ที่เชี่ยวชาญในการผลิตงานของตนเองอย่างแท้จริง

เนื่องจากเสื้อผ้า และ accessories ต่างๆ ในสไตล์นี้ จะมีเหล่าช่างฝีมือในการผลิตผลงานแต่ละประเภทโดยเฉพาะ และโดยส่วนใหญ่จะดำเนินธุรกิจมายาวนาน บางแบรนด์ มีอายุมากกว่า 100 ปี แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในงานนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง จะมีบ้างเป็นบางแบรนด์ที่เกิดขึ้นมาใหม่ แต่ก็มักจะเป็นทีมงานที่เคยทำงาน เรียนรู้มาจากแบรนด์เก่าแก่ แล้วก็แยกตัวมาเปิดแบรนด์ของตนเอง โดยใส่ดีไซน์ของตนเอง และความทันสมัยเข้าไปทำให้เกิด รูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยที่ยังคงยึดถือในการเลือกวัสดุที่ดีเยี่ยม และให้ความใส่ใจเป็นอย่างมากในคุณภาพการผลิต ยกตัวอย่างเช่น:

ช่างทำรองเท้า: Alden Shoes Company – USA / Crockett & Jones – UK / Berwick 1707 – Spain / Baudoin & Lange – UK /Edward Green – English Master Shoemaker

ช่างทำกระเป๋า: Rutherfords – English Bridle Accessories / Acate – Japan / C.C. Filson Co. – USA

ช่างทำเนคไท: Shibumi – Firenze / Seven Fold – Italy / Vanda Fine Clothing – Singapore

ช่างตัดสูท: Liverano & Liverano – Firenze / Ozario Luciano – Napoli / B&Tailor – Seoul / Ring Jacket – Japan / ASSISI Bespoke House – Seoul / The Primary Haus – Bangkok / Borrom Handcraft Tailor – Bangkok / Jin Tonic Bespoke Suit – Bangkok / The Manners Tailor House – Bangkok

ช่างตัดกางเกง: Ambrosi Napoli – Italy / Echizenya – Osaka & Tokyo

เราสามารถเลือกซื้อสินค้า ที่ผู้ผลิตใส่ใจกับรายละเอียด และความต้องการของลูกค้า มากกว่า สินค้าประเภท Fast Fashion หรือแม้แต่จาก Luxury Brands ก็ตาม

เราคงไม่มีโอกาส ที่จะบอกกับ Zara หรือ H&M หรือ Uniqlo ว่า ช่วยปรับ pattern ของเสื้อเชิ้ต หรือ jacket ให้เข้ากับรูปร่างคนไทย หรือคนเอเชียได้ หรือจะไปบอกให้ Dior หรือ Gucci ช่วยปรับรองเท้าให้หน้ากว้างขึ้นเพื่อให้เข้ากับเท้าของคนไทย จริงอยู่ว่าสินค้า Luxury Brand เราสามารถสั่ง Customization ได้แต่ราคาก็จะสูงมากๆ

The Decorum team met Crockett & Jones at Pitti Uomo 2023

แต่เราสามารถทำได้กับเหล่า Artisans และ Tailors ผ่าน Retailers หรือ ร้าน Multi Brand ที่เลือกสินค้า เหล่านั้นมาจำหน่ายในร้าน เช่น The Decorum Bangkok, The Somchai, The Refinement, Sprezzatura Eleganza, Talisman, etc. โดยผ่านการ collaboration ระหว่างทางร้านกับทางแบรนด์ หรือผ่านโปรแกรม MTM หรือ MTO ก็ได้เช่นกัน

เราได้มีโอกาสเจอตัว ได้พูดคุยโต้ตอบกับเจ้าของแบรนด์โดยตรง ที่เป็นทั้ง Artisans และ Tailors ผ่านทาง Retailers

เนื่องจากการเลือกซื้อสินเค้าในสไตล์นี้ มีรายละเอียดค่อนข้างมาก มีตัวเลือกมากมาย ทำให้ก่อให้เกิดการพูดคุยสื่อสาร แลกเปลี่ยนความคิด ความต้องการ กับทางทีมงาน ไปจนถึงเจ้าของร้าน จนก่อให้เกิดเป็นความคุ้นเคยกันเหมือนเพื่อนมากกว่าแค่ คนซื้อ และคนขาย

มากไปกว่านั้น ยังมีการจัด Trunk Show ของเหล่า Artisans และ Tailors ตลอดทั้งปี ทำให้เราได้มีโอกาสได้เจอกับ เจ้าของสินเค้านั้นๆ เช่น ทางร้าน The Decorum จะมีการจัด Trunk Show กับทาง ASSISI ทุกๆ quarter หรือล่าสุดเพิ่งมีการจัด Trunk Show กับทางกางเกงยีนส์ Resolute ไปเป็นต้น หรืออย่างทางร้าน The Refinement มีการจัด Trunk Show กับทาง Ring Jacket และที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ คือ Trunk Show กับทาง B&Tailor ส่วนทางร้าน The Somchai จะมีการจัด Trunk Show กับทาง Liverano & Liverano / Ozario Luciano / Ambrosi Napoli ตลอดทั้งปี

ที่สำคัญคือ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในวงการนี้ มีความ friendly พร้อมที่จะให้ความรู้ คำแนะนำ ให้กำลังใจมาโดยตลอด อบอุ่นมากๆ

ทุกครั้งที่ผมสงสัย มีคำถามที่อยากได้คำตอบ พอทักไปถามคนในวงการนี้ ผ่าน social media ต่างๆ จะได้รับคำตอบทุกครั้ง และทุกคนพร้อมที่จะให้ข้อมูลมากกว่าที่เราถามเสมอ และเมื่อเราโพสอะไรลงไป หรือการทำเว็บไซต์นี้ ผมก็จะได้รับกำลังใจจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มาโดยตลอด ถือว่าเป็น community ที่พร้อมที่จะต้อนรับสมาชิก หรือผู้สนใจหน้าใหม่เสมอ

เราได้สินค้าที่มีความคุ้มค่ากับเงินที่เราจ่ายไปจริงๆ (Value Proposition)

เนื่องจากเหล่า artisan หรือ tailor ในวงการนี้ ไม่ได้ลงทุนไปกับ Celebrity หรือดารา A-list เพื่อให้มาเป็น Presenter หรือ Brand Ambassador เหมือนกับที่แบรนด์ Fast Fashion หรือ Luxury Brand ต่างๆที่ลงทุนไปกับ งบ Marketing มหาศาล

เพราะฉะนั้น ราคาที่เราจ่ายไปนั้น ก็ไปลงกลับคุณภาพ ของวัสดุ และคุณภาพของงานฝีมือ และความใส่ใจในรายละเอียด กับราคาที่สมเหตุสมผลจริงๆ และอีกหนึ่งจุดที่สำคัญคือ ความคงทนอันเกิดจากการใช้วัสดุที่ดี และคุณภาพที่ดีในการผลิต ทำให้เราสามารถใช้งานสิ่งของเหล่านี้ (ด้วยการดูแลรักษา ที่ถูกต้อง) ได้นานนับ 10-20 ปี

บทสรุป

และนี่ก็คือเหตุผลทั้งหมด ที่ผ่านกระบวนการคิด ทบทวน จากประสบการณ์ของผมในระยะเวลา 2-3 ปี ที่ผมเริ่มสนใจแต่งตัวในสไตล์นี้อย่างจริงจัง

แล้วเพื่อนๆ มีความเห็นอย่างไรกันบ้างครับ ผมอยากฟังความเห็นจากทุกคน ว่ามีเหตุผลอื่นๆ กันอีกมั๊ย เพื่อนๆ สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ในช่อง comment ด้านล่างนี้นะครับ

สุดท้ายนี้ หากมีข้อมูลอะไรผิดพลาด หรือขอบกพร่องใดๆ ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และฝากสนับสนุนผลงานของผม และมาให้กำลังใจกันโดยการกดติดตาม IG: @mickyjicky และ @my.six.point.five.inch.wrist กันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

แล้วเจอกันใหม่ ในโพสถัดไปครับ!!

ขอบคุณรูปภาพสวยๆ จาก The Decorum, The Somchai, The Refinement, The Primary Haus, Filson Co., Borrom, Jin Tonic, The Manners, MDs’ Style Guide Sharing Group

เหตุผลประกอบการตัดสินใจ ในการเลือกซื้อรองเท้าสไตล์ Classic Menswear ตอนที่ 2

ต่อเนื่องจากตอนที่แล้วนะครับ ผมขอพูดถึงรองเท้าอีก 4 คู่ ที่เหลือ และบทสรุปจากการใช้งานจริงที่ผ่านมาของผม เพื่อให้เพื่อนๆ ทุกคน ได้ลองนำไปปรับใช้ สำหรับการพิจารณาเลือกซื้อรองเท้ากันนะครับ

Tan Suede Tassel Loafer

Brand: Julietta Bangkok

Last: N/A

Structure: Cemented with Rubber Outsole

Price: THB 2,890.00

Tassel Loafer หนัง Suede สี Tan จากทาง Julietta Bangkok

ตามที่เขียนไว้ในโพสที่แล้วนะครับ หลังจากที่ผมมีรองเท้าสีเบสิค (น้ำตาล และดำ) ไปแล้วทั้งหมด 4 คู่ ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มมองหา รองเท้าที่มีสีอ่อนลง สำหรับใส่ในวันที่แต่งตัว Casual สบายๆ เช่น กางเกงสีเบจ สีเทาอ่อน สีออฟไวท์ เป็นต้น และในตอนนั้น ผมมีความอยากได้รองเท้า Tassel Loafer มากกว่า Penny

Leisure Hand Sewn (LHS) Snuff Suede Penny Loafer by Alden (Source: The Decorum BKK)

ส่วนเรื่องการเลือกสี ช่วงนั้นได้ดูรีวิวจากช่อง Bill Prapat (IG: @prapat.c) ที่รีวิวรองเท้า LHS Snuff Suede ของทางแบรนด์ Alden (ป้ายยา อ่ะไม่ใช่ ^_^ รีวิวไว้ดีมากเลยครับ ผมดูไปหลายรอบ) ทำให้ผมชอบรองเท้าหนังกลับ สี Tan มาก เพราะรู้สึกว่าใส่่กับกางเกงได้หลากหลาย ทั้งสี และประเภทของผ้า ใส่แล้วเท้าดูสะอาด ผิวสว่างขึ้น และที่สำคัญคือทำให้ลุคโดยรวมดู Casual แต่ยังมีความสุภาพ เรียบร้อย

รองเท้าสี Tan จะไปได้ดีกับกางเกงสีอ่อน เช่น สี off white ตามในรูป

แต่เนื่องจากเวลานั้น ผมคิดว่ายังไม่พร้อมที่จะลงทุนกับรองเท้าในราคาระดับ Alden จึงมองหาแบรนด์ทางเลือกอื่นๆ จนไปเจอ รีวิวของคุณจ๊อบ MartinPhu (IG: @martinphu) พูดเกี่ยวกับรองเท้าแบรนด์ Julietta Bangkok ไว้ละเอียดมาก และมีพูดถึง รีวิวของทางช่อง Art_Woek ซึ่งผมก็ตามไปดูอีก จนตัดสินใจเลือกซื้อกับทางแบรนด์ Julietta Bangkok

จะได้ความ Casual แต่ยังคงความสุภาพ เรียบร้อยอยู่

ตอนนั้นผมสั่งซื้อทางออนไลน์ เพราะว่าทาง Online Store ให้ข้อมูลไว้ค่อนข้างละเอียด ทำให้ผมมั่นใจในการสั่งว่า ผมสามารถใส่ได้แน่ๆ พอได้รองเท้ามาก็ไม่ผิดหวังนะครับ ผมได้ใส่รองเท้าคู่นี้บ่อยในวันหยุด หรือวันศุกร์ Casual Friday และผมจะได้คำชมจากคนรอบข้างบ่อยๆ ว่า รองเท้าสวย ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่ พอผมตอบกลับไป ทุกคนจะเซอร์ไพส์ว่า หน้าตาดีเกินราคาครับ

Rois Cordoban Tassel Loafer in Calf Leather

Brand: Berwick for Refinement

Made in Spain

Last: 8 Last Developed together between Berwick & The Refinement Bangkok

Structure: Unlined / Goodyear Welted / Leather Sole

Price: THB 7,900.00

Tassel Loafer หนัง Rois Cordovan เป็นหนังวัว จากทาง Berwick for Refinement

ผมว่าเพื่อนๆ หลายคน น่าจะเป็นเหมือนกับผม เมื่อถึงจุดที่เรามีรองเท้าเบสิค ไว้ในตู้รองเท้าเราระดับหนึ่งแล้ว จะต้องนึกถึงรองเท้าหนัง Shell Cordovan (หนังสะโพกม้า) ซึ่งจะมีความแตกต่างกับรองเท้าหนังวัวทั่วไปคือ มีความเงางามที่มากกว่า และการที่หนังจะไม่เป็นรอยริ้วๆ ย่นๆ บริเวณรอยพับต่างๆ แต่หนังจะทำตัวเป็นลอนคลื่นสวยงาม

แต่ก็เพราะความสวยงาม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของหนัง Shell Cordovan บวกกับกระบวนการคัดเลือกหนัง การฟอก และการทำย้อมสี ทำให้ราคารองเท้าหนัง Shell Cordovan นั้นสูงกว่ารองเท้าหนังวัว (Calf Skin) ไปค่อนข้างมาก ดังนั้นถ้าจะซื้อผมก็ต้องมั่นใจว่า เราจะต้องใส่ และใช้งานให้มันคุ้มค่า เลยวางแผนไว้ว่าจะต้องไปลองใส่ทุกคู่ที่เล็งเอาไว้

แน่นอนครับ ถ้าคิดจะซื้อรองเท้าหนัง Shell Cordovan ทุกคนต้องนึกถึง Alden (แบรนด์สัญชาติอเมริกา ซึ่งผลิตรองเท้ามายาวนานถึง 139 ปี) ผมได้ไปลองใส่ทั้งตัว Full Strap Penny Loafer และ Tassel Loafer ที่ร้าน The Decorum Bangkok แต่ปรากฎว่า ผมใส่แล้วไม่สบายเท้าเท่าที่ควร จึงตัดสินใจไม่ซื้อกลับมา

จะเห็นว่าสีของหนังจะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับหนัง Shell Cordovan อยู่พอสมควร

แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งทางเลือก เพราะว่าที่ร้าน The Refinement นั้นมีรองเท้า Berwick for Refinement โดยมีรุ่น Tassel Loafer ที่เป็นหนังสี Rois Cordovan ซึ่งเป็นหนังวัว ที่ผ่านกระบวนการฝอก และย้อมสี ให้มีลักษณะคล้ายกับหนัง Shell Cordovan แถมยังเป็น Unlined Structure อีกด้วย เพื่อนๆ สามารถเข้าไปดูรีวิวรองเท้า Berwick for Refinement ได้จากทั้งทาง ช่อง TaninS และ Signore Closet ทั้ง คุณนิน คุณเป้ และคุณแม็ค ทำรีวิวไว้ละเอียดมากครับ

หลังจากไปลองที่ร้าน The Refinement (กลับมาเจอทั้งคุณโอ และคุณน้ำอีกครั้งที่นี่) แล้วคือจบเลย เพราะจากที่ผมใส่ Berwick คู่ที่เป็น Suede Tassel Loafer ว่าสบายแล้ว ผมลองใส่คู่นี้รู้สึกใส่สบายกว่าอีก น่าจะเพราะคู่นี้เป็นโครงสร้างแบบ Unlined ด้วย (คือการลดทอนโครงสร้างแข็งที่ทำให้รองเท้าอยู่เป็นทรงได้ออกไปบางส่วน โดยที่ไม่ทำให้ทรงรองเท้าโคยรวม เสียความสวยงามไป)

Classic Balmoral Oxford Punched Cap Toe in Museum Calf Leather

Brand: TLB Mallorca Artista Collection

Made in Spain

Last: Picasso Last

Structure: Goodyear-Welted / Leather Sole / Closed Channel

Price: THB 17,500.00

เป็นรองเท้า Oxford ที่เรียบร้อย แต่ยังแฝงลูกเล่น ที่ทำให้แต่งตัวได้สนุกขึ้น

ตอนที่ผมกำลังตัดสินใจซื้อรองเท้าคู่นี้นั้น อยู่ในช่วงการระบาดโควิดลดลงแล้ว และผมกำลังจะได้รับสูท Bespoke จากทางร้าน The Primary Haus ด้วย จึงมีความคิดว่า ผมควรจะมีรองเท้า Oxford เพื่อเอาไว้ใส่กับชุดสูทสำหรับไปร่วมงานที่เป็นทางการ เช่นงานแต่งงาน หรือ การประชุมที่เป็นทางการมากๆ ไว้อย่างน้อย 1 คู่

ในตอนแรก ผมมีความคิดที่จะเลือกเป็น Plain Oxford Cap Toe สีดำ หรือสีน้ำตาล แต่ก็รู้สึกว่ามันเรียบจนเกินไป น่าจะใส่ได้ไม่บ่อย ไม่สนุก สำหรับผม การแต่งตัวเป็นเรื่องที่ผมมีความสุข และสนุกได้ทุกวัน มีหลายคนเคยมาถามว่า แต่งตัวแบบนี้เหนื่อยมั๊ย ผมตอบไปว่า ผมสนุกไปกับการแต่งตัวทุกวัน มันเหมือนเป็นสัญชาตญาณ ที่ผมสามารถวาดภาพในหัวได้เลยว่า วันต่อๆ ไปผมจะใส่เสื้อผ้าอะไรบ้าง

กลับมาที่เรื่องรองเท้า Oxford ในระหว่างที่ผมพยายามหารองเท้า Oxford ที่ไม่เรียบจนเกินไป มีลูกเล่นในการออกแบบ แต่ยังคงมีความเป็นทางการอยู่ด้วย ก็มาเจอกับ รีวิวของคุณเป้ Signore Closet พูดเกี่ยวกับรองเท้า Oxford ในรูปแบบต่างๆ ไว้อย่างน่าสนใจ ให้ความรู้และมีประโยชน์อย่างมากเลยครับ ซึ่งผมก็ไปสะดุดกับรองเท้า Balmoral Oxford ของแบรนด์ TLB Mallorca เข้าอย่างจัง

หุ่นรองเท้า Oxford ของทาง TLB จะมีความคอดของเอวรองเท้าค่อนข้างมาก ทำให้รองเท้ามีความน่าสนใจยิ่งขึ้น

ที่ผมสนใจงานออกแบบรองเท้าคู่นี้ก็เพราะว่า มันมีรูปแบบที่ตรงกับความต้องการของผมทุกประการ คือมีความเป็นทางการตามรูปแบบของรองเท้า Oxford ในขณะเดียวกันก็มีลูกเล่น เช่นงานฉลุ หรือ Brogue ที่บริเวณ เส้นรอยต่อของ Cap Toe และการเย็บรอยต่อของชิ้นหนังที่วนรอบตัวเป็นตัวยู (เป็นลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า Balmoral) แทนที่จะไปจบที่ส่วนของพื้นรองเท้าทั้งสองข้างตามแบบของรองเท้า Oxford ทั่วไป สุดท้ายคือหนัง Museum Calf ที่มีการทำสีน้ำตาลให้มีมิติเหมือนกับหินอ่อน ซึ่งดูน่าสนใจกว่าสีหนังเรียบๆ ทั่วไปมาก

ผมชื้อรองเท้าคู่นี้ที่ร้าน The Refinement และถือว่าเป็นรองเท้า Oxford คู่แรกที่ผมซื้อ (ก่อนหน้านี้มีรองเท้า Derby สีดำของทาง Paul Smith) ได้ไปลองใส่ โดยที่มีคุณโอ (IG: @hoeypresley) เป็นคนดูแล ให้คำปรึกษาเรื่องการเลือกไซส์ การผูกเชือก การดูแลรักษา เป็นอย่างดีเลยครับ และทางร้านยังมีบริการขัดรองเท้าแบบ Mirror Shine ให้ก่อนส่งมอบให้ลูกค้าด้วย รองเท้าจากที่สวยอยู่แล้ว พอได้คุณน้ำ (IG: @therefinement_nam) มาทำ Mirror Shine ให้อีกยิ่งสวยขึ้นอีกเยอะเลย

งาน Mirror Shine ฝีมือคุณน้ำ เพิ่มความสวยงามให้กับรองเท้าขึ้นอีกหลายเท่า

อีกหนึ่งบริการที่ผมว่าดีมากๆ สำหรับลูกค้าที่ซื้อรองเท้ากับทางร้าน The Refinement ทางร้านมีบริการ Basic Shoe Care ให้ตลอดอายุการใช้งานนะครับ เพียงนำรองเท้าที่ซื้อกับทางร้านมาทิ้งไว้ ทางร้าน The Refinement จะประสานกับทางร้าน Resh Shoe Repair Shop ที่อยู่ชั้นใต้ดิน Central Embassy ดำเนินการให้ ส่วนระยะเวลาต้องสอบถามกับทางร้านอีกทีนะครับ

Black Suede Belgian Loafer

Brand: Julietta Bangkok

Last: N/A

Structure: Completely Unlined / Cemented with Rubber Outsole

Price: THB 2,890.00

รองเท้า Belgian Loafer จะโชว์หลังเท้าค่อนข้างมาก แสดงให้เห็นถึงความเป็นทางการที่น้อย

แล้วเราก็มาถึงรองเท้าที่ผมซื้อมาเป็นคู่ล่าสุดกันแล้วนะครับ พอเรามีรองเท้าที่มีความเป็นทางการสูงมาก ลงมาจนถึงระดับกลางไว้หลายคู่ เพื่อใช้ในโอกาสต่างๆ กันและยังสามารถสลับใส่เพื่อยึดอายุการใช้งานของรองเท้าได้อีกด้วย (โดยปกติ ผมจะไม่ใส่รองเท้าคู่เดิม สองวันติดต่อกันนะครับ) ผมก็เริ่มมีความคิดว่าควรจะมีรองเท้าลำลอง ที่เป็นแบบ unlined ทั้งคู่ เพื่อสามารถแพ็คเก็บใส่กระเป๋าเดินทางได้แบบไม่เปลืองเนื้อที่กระเป๋า (ตอนนี้เริ่มจะเดินทางไปต่างประเทศได้แล้ว) โดยที่ยังคงความเป็น loafer อยู่ ซึ่งก็คือรองเท้า Belgian Loafer นั่นเองครับ

รองเท้า Belgian Loafer นั้นมีแบรนด์ให้เราเลือกได้เยอะ หลายระดับราคาเลยนะครับ เช่น Berwick, 42nd Royal Highland (ทางคุณอาร์ม (IG: @armkorakot) Americano Taste ได้เคยทำคลิป Test Drive ไว้น่าสนใจเลยครับ), และแบรนด์ที่น่าจะเป็นที่สุดของ Belgian Loafer ก็คือ Baudoin & Lange และผมก็ได้ไปลอง B&L หลายคู่เลยที่ร้าน The Refinement และบอกได้เลยครับว่า ใส่สบาย ใส่สวย เชื่อได้เลยว่าใครได้ไปลองต้องติดใจทุกคน

แต่ผมก็ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ B&L เพราะเหตุผลว่ามันสวย และมันดูน่าถนุถนอม เกินกว่าความตั้งใจที่ผมจะเอารองเท้า Belgian Loafer คู่นี้ไปใช้งานใส่ไปเดินเที่ยวต่างประเทศ หรือต่างจังหวัด จนผมได้มาเจอรีวิวของคุณจ๊อบ (อีกแล้ว ^_^) ที่พูดถึงรองเท้า Belgian Loafer หนังกลับสีดำของ Julietta Bangkok ซึ่งรองเท้าคู่นี้ตอบโจทย์ผมหมดทุกข้อ ทั้งเรื่องรูปทรง หนัง คุณภาพที่เหมาะสมกับราคาที่เข้าถึงง่าย

ในระดับราคานี้ และวัสดุที่ทางแบรนด์เลือกใช้ เราสามารถใส่รองเท้าคู่นี้แบบที่เราไม่ต้องกังวล ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกตินะครับ ว่าบางครั้งเราไม่จำเป็นจะต้องซื้อของที่มีราคาแพง และวัสดุที่ดีที่สุดเสมอไป มันอยู่ที่ว่าเราตั้งใจจะใช้งานในลักษณะไหนมากกว่า และ Julietta เข้ามาตอบสนองความต้องการของผมได้พอดี

บทสรุป

ก็จบไปแล้วนะครับ สำหรับรองเท้าทั้งหมด 8 คู่ที่ผมเลือกซื้อมาใส่เป็นประจำ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมคิดว่าผมไม่ค่อยมีปัญหากับการใส่รองเท้าทั้ง 8 คู่นี้นะครับ จะมีบทเรียนที่สำคัญก็คือการที่จะ “ต้องลองใส่ ลองเดินให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อ” และ “ถ้าหากรู้สึกว่ามันไม่พอดี อย่าคิดว่าพอใส่ไปแล้วมันจะดีขึ้น” รองเท้าหนังจะยืดออกในแนว ซ้าย-ขวา ได้บ้างนะครับ แต่จะไม่ยืดออกในแนว บน-ล่าง

ผมใส่รองเท้า Black Tassel Loafer ของ Mango Mojito น้อยที่สุด เพราะว่า ผมใส่แล้วเจ็บ ไม่สบายเท้า เนื่องจากวันที่ผมไปรับรองเท้า (ทางร้านจะรับเป็นแบบ Made to Order รอประมาณ 3-4 สัปดาห์) ซึ่งผมลองแล้วรู้สึกว่ามันคับไปที่เท้าขวา แต่เนื่องจากผมอยากจะใส่มาก และไม่อยากรอให้ทางร้านกลับไปแก้ ผมจึงรับรองเท้ากลับมา โดยหวังว่าพอใส่ไป เดี๋ยวมันคงจะดีขึ้น แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ (ขนาดใส่ติดต่อกันประมาณ 3-4 เดือน จนผมถอดใจ) หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะขอให้ทางร้านช่วยแก้ไขก่อนจะรับกลับมา

รองเท้าที่ใส่สบายที่สุด คือรองเท้า Belgian Loafer ของ Julietta Bangkok เพราะด้วยโครงสร้างที่เป็นแบบ completely unlined เวลาใส่รองเท้าคู่นี้จะให้ความรู้สึกเหมือนใส่รองเท้า slipper อยู่บ้านอย่างนั้นเลยครับ ถ้าเป็นวันหยุด หรือวันที่ผมอยากจะพักเท้า ผมจะนึกถึงรองเท้าคู่นี้เป็นลำดับแรก

ส่วนรองเท้าที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก จะจับใส่กับเสื้อผ้าแบบไหนก็น่าจะรอด สำหรับวันที่ไม่มีเวลาเตรียมตัว เรียกว่าเป็น Go-to ของผมเลยก็คือ Berwick Suede Tassel Loafer แถมยังใส่สบายมากๆ อีกด้วย เนื่องจากสีของรองเท้า การที่เป็นหนังกลับ และรูปแบบที่เป็น Tassel Loafer ทำให้รองเท้าคู่นี้แทบจะไปได้กับเสื้อผ้าทุกชุดของผม

ทั้งหมดที่ผมเขียนมาผมหวังว่าเพื่อนๆ พอจะได้แนวคิด เพื่อประกอบในการตัดสินใจเลือกซื้อรองเท้ากันบ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ หลักๆ ก็คือเรื่องระดับความเป็นทางการ การเลือกสี และรูปแบบให้เข้ากับความต้องการของแต่ละคนครับ และจากประสบการณ์นี้ทำให้ผมได้อะไรที่มากกว่ารองเท้า เพราะผมได้รู้จักกับเพื่อนๆ ในวงการ Classic Menswear มากขึ้น ไม่ว่าจะจากทางดูรีวิวในช่อง YouTube การติดตาม IG ของแต่ละท่าน และการได้พบปะพูดคุยกันในร้าน ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าในวงการนี้ ให้ความเป็นกันเอง และพร้อมเสมอที่จะแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และพร้อมที่จะสนับสนุนให้วงการนี้เติบโตอย่างแข็งแรง นี่คือแรงผลักดันที่สำคัญที่ทำให้ผมตัดสินใจทำเว็บไซต์นี้ขึ้นมานะครับ

สุดท้ายนี้ หากเพื่อนๆ มีข้อเสนอแนะว่าอยากจะให้ผมเขียนเกี่ยวกับอะไร มีข้อติชม เห็นด้วย หรือเห็นต่างตรงไหน สามารถเขียนมาในช่องคอมเม้นท์ด้านล่างได้เลยนะครับ ผมยินดีรับฟังความเห็นจากทุกๆ คน และหากมีข้อมูลอะไรผิดพลาด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ และฝากสนับสนุนผลงานของผมโดยการกดติดตาม IG: @mickyjicky และ @my.six.point.five.inch.wrist ขอบคุณครับ

แล้วเจอกันใหม่ ในโพสถัดไปครับ!!

เหตุผลประกอบการตัดสินใจ ในการเลือกซื้อรองเท้าสไตล์ Classic Menswear ตอนที่ 1

ผมขอเว้นการลงโพสเกี่ยวกับนาฬิกาก่อนนะครับสำหรับสัปดาห์นี้ อยากจะพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตัวสไตล์ Classic Menswear บ้าง สำหรับสัปดาห์นี้อยากจะขอพูดถึงไอเท็มที่สำคัญในลำดับต้นๆ สำหรับการแต่งตัวสไตล์ Classic Menswear นั้นก็คือ “รองเท้า” ครับ

โดยที่ผมจะขอเขียนอธิบาย โดยใช้ประสบการณ์ตรงที่ผมทยอยซื้อรองเท้าตลอดในช่วยระยะเวลา 2-3 ปี ที่ผ่านมา ว่าผมใช้เหตุผลประกอบการตัดสินใจ และหลักการคิดในการเลือกซื้อรองเท้าแต่ละคู่อย่างไรบ้าง เช่น ลำดับการซ์้อก่อน-หลัง การเลือกสี และการเลือกประเภทของหนัง เป็นต้น เผื่อว่าเพื่อนๆ คนไหนที่กำลังเริ่มสนใจ หรือกำลังตัดสินใจเลือกซื้อรองเท้าสไตล์ Classic Menswear อยู่ จะนำไปใช้ประโยชน์ได้บ้างนะครับ

ผมจะขอเรียงลำดับตามระยะเวลาที่ผมซื้อรองเท้า ตั้งแต่คู่แรกที่ผมเริ่มหันมาสนใจการแต่งตัวสไตล์นี้ จนถึงคู่ล่าสุดนะครับ มาเริ่มกันเลย!!

Dark Brown Calf Penny Loafer

Brand: Fugashin from The Decorum Bangkok

Last: Fortingall

Structure: Goodyear-Welted, Leather Sole

Price: THB 7,750.00

Dark Brown Calf Penny Loafer by Fugashin Shoes Maker

เหตุผลที่ผมตัดสินใจเลือกรองเท้าคู่นี้เป็นคู่แรก เนื่องมาจากว่าผมต้องการรองเท้าสีน้ำตาล เพราะสีน้ำตาลสามารถเข้ากับเสื้อผ้าได้หลากหลายสี มากกว่าสีดำ (รองเท้าสีดำมีความเป็นทางการสูงกว่า) และผมต้องการรองเท้าสไตล์ Loafer (คือสามารถสวมโดยไม่ต้องผูกเชือก) หากจะเลือก Tassel Loafer (คือรองเท้าที่มีพู่ห้อยอยู่ด้านหน้า) ก็จะดูลำลองเกินไป ก็เลยตัดสินใจเป็น Penny Loafer หนัง Calf (หนังวัวผิวเรียบ)

ผมใส่คู่กับถุงเท้า ribbed socks สีสนุกๆ จากทาง Votta มีจำหน่ายที่ The Decorum เช่นกัน

เพื่อนๆ จะเห็นว่ารองเท้าคู่นี้มีสีน้ำตาลกลางๆ ซึ่งจริงๆ แล้วหากจะเน้นใส่ไปทำงาน ก็ควรที่จะเป็นน้ำตาลที่เข้มกว่านี้ แต่เนื่องจากว่า ออฟฟิศที่ผมทำงาน ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการแต่งตัวมากขนาดเดียวกับ สำนักงานกฎหมาย ธนาคาร หรือ หน่วยงานราชการ การที่ผมเลือกสีน้ำตาลกลาง ทำให้ผมสามารถใส่รองเท้าคู่นี้ ในโอกาสอื่นๆ ได้ด้วย

กางเกงผ้า Cotton ผสม Linen ตัวนี้เป็นของ JBB* Menswear นะครับ

เหตุผลที่ผมเลือกแบรนด์ Fugashin ก็เพราะว่า อยู่ในช่วงราคาที่เหมาะสมกับการเริ่มต้นแต่งตัวแนวนี้ บวกกับคุณภาพหนัง และคุณภาพงานผลิตที่ผมมั่นใจได้ว่า รองเท้าคู่นี้จะอยู่กับผมไปได้อีกได้ 5-10 ปี (ด้วยการดูแลที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ) ผมจำได้ว่า ผมรู้จักรองเท้าแบรนด์นี้จากรีวิวของคุณนิน ช่อง TaninS (แต่ในรีวิวเป็นสีดำนะครับ) แถมตอนไปซื้อที่ Decorum ก็ได้เจอกับคุณโอ (IG: @hoeypresley) ซึ่งถือว่าโชคดีและเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เพราะคุณโอ ช่วยแนะนำผมเป็นอย่างดี และทำให้ผมรู้สึกว่า การมาร้าน Classic Menswear ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ตอนนี้คุณโอ มาประจำอยู่ที่ร้าน The Refinement แล้วนะครับ

Dark Brown Suede Tassel Loafer

Brand: Berwick Tassel Loafer 8491 Gum Oiled 173 from Curated and Co

Last: 8 Last

Structure: Goodyear-Welted, Leather Sole

Price: THB 8,800.00

Berwick Tassel Loafer รุ่น 8491 สี Gum Oiled 173 ตอนนี้สามารถหาซื้อได้จากทั้งทาง Curated and Co และ The Refinement ครับ

หลังจากที่ผมมีรองเท้า Penny Loafer คู่แรกไปแล้ว ผมก็เริ่มมองหา Tassel Loafer เพื่อใส่สลับ ในวันที่สามารถแต่งตัวลำลองได้มากขึ้น เช่น ไปออฟฟิศวันศุกร์ หรือสามารถใส่ไปเที่ยว เดินห้าง หรือไปคาเฟ่ ในวันหยุดได้ โดยที่ตัวเลือกก็จะมีเรื่องของ สี และประเภทของหนัง

เนื่องจากผมมีสีน้ำตาลกลางๆไปแล้ว ผมจึงเลือกคู่นี้เป็นสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งผมก็ยังไม่เลือกสีดำ เพราะจริงๆ แล้วรองเท้าสีดำเป็นสีที่มีข้อจำกัดในการใส่มากกว่าสีน้ำตาล (หลายๆ คน อาจจะคิดว่ารองเท้าสีดำ คือสีที่เบสิค ควรจะซื้อก่อน)

รองเท้ายี่ห้อ Berwick เป็นแบรนด์สัญชาติสเปน มีประวัติการทำรองเท้าค่อนข้างยาวนาน

ส่วนประเภทของหนัง เนื่องจากคู่ที่แล้วผมเลือกเป็นหนัง Calf (หนังวัวผิวเรียบ) ไปแล้ว คราวนี้ผมจึงเลือกเป็นหนัง Suede (หนังกลับ) เพื่อให้ได้ลุคที่เป็นลำลองมากกว่า และมีอีก 1 เหตุผลประกอบ คือว่าผมอยากจะลองใช้รองเท้าหนังกลับดูบ้าง (จำได้ว่าคู่สุดท้ายที่มีน่าจะสมัยอยู่ชั้นมัธยม และรู้สึกว่าดูแลรักษายาก) เพราะหลังจากที่เริ่มมาศึกษาเรื่องนี้มากขึ้น ทำให้ทราบว่า จริงๆ แล้วรองเท้าหนังกลับนั้นดูแลรักษาง่ายกว่าหนัง Calf เสียอีก (ใช้แปรงปัดฝุ่น ก่อนและหลังใช้งาน และฉีดสเปรย์กันน้ำ ไม่ต้องลงครีม ไม่ต้องขัด สำหรับการดูแลเบื้องต้น)

กางเกงตัวนี้เป็นผ้า Cotton จากทาง JBB* Menswear อีกเช่นเคย

จำได้ว่าตอนที่ไปซื้อรองเท้าคู่นี้ ผมตัดสินใจเลือก Berwick เพราะอยู่ในราคาที่เหมาะสม และคุณภาพเชื่อถือได้ ผมไปซื้อที่ร้าน Curated & Co ณ ตอนนั้น คุณน้ำ (IG: @therefinement_nam) เป็นคนที่ดูแลให้คำแนะนำในการซื้อเป็นอย่างดีมากๆ จำได้ว่าตอนนั้น ผมต้องอุ้มลูกสาวด้วยตลอดเวลา คุณน้ำให้ความช่วยเหลือ และบริการผมอย่างดีมากๆ ประทับใจมากครับ และตอนนี้คุณน้ำก็มาประจำอยู่ที่ร้าน The Refinement แล้วเช่นกันครับ

Black Calf Penny Loafer

Brand: Fugashin from The Decorum Bangkok

Last: Marton

Structure: Goodyear-Welted, Leather Shole

Price: THB 7,750.00

Penny Loafer คู่นี้จะเป็น Last ใหม่ชื่อ Marton จากทาง Fugashin Shoes Maker

แล้วก็มาถึงคิวรองเท้าสีดำกันบ้าง พอผมมีรองเท้าสีน้ำตาลมาแล้ว 2 คู่ คราวนี้ผมจึงตัดสินใจว่าเราควรจะมีรองเท้าสีดำ สำหรับใส่ในโอกาสที่เป็นทางการมากขึ้น เช่น วันที่มีประชุมที่เป็นทางการ หรือไปพบกับผู้ใหญ่วันที่เป็นทางการ หรือในวันทำงานที่ผมอยากจะแต่งตัวที่เป็นทางการมากเป็นพิเศษ (ส่วนใหญ่จะเป็นต้นสัปดาห์)

แต่ผมก็ยังไม่เลือกรองเท้า Cap-toe Oxford (รองเท้าหนังสีดำผูกเชือก ที่มีความเป็นทางการสูง) อยู่ดี เพราะผมคิดว่าโอกาสที่จะใช้นั้นมีน้อยมากๆ (ณ ตอนนั้น โควิดยังระบาดหนัก งานแต่งงาน หรืองานศพ ยังจัดไม่ได้เลย) ผมจึงเลือกเป็น Penny Loafer ก่อน แล้วคิดว่า Tassel Loafer ค่อยไปซื้อหลังจากคู่นี้

กางเกงตัวนี้เป็นผ้า Wool สี Navy จากทาง JBB* Menswear

ส่วนเหตุผลที่ผมยังคงเลือกเป็นแบรนด์ Fugashin โดยที่ไม่ไปลองซื้อแบรนด์อื่น ก็เพราะว่า

  • ผมจะรู้สึกสบายใจที่จะจ่ายเงินที่ระดับราคาเท่านี้
  • ประสบการณ์จากการใส่ Fugashin คู่แรก รู้สึกประทับใจ ใส่สบาย และคูณภาพหนังยังดูดี แม้จะใช้งานมา 1 ปีแล้วก็ตาม
  • Fugashin ได้มีการอัพเดท Last (ทรงของรองเท้า) ใหม่สำหรับ Penny Loafer โดยนำความเห็นของผู้ใช้งาน มาปรับปรุงใน Last ใหม่นี้ โดยที่ผมตัดสินใจซื้อก็เพราะได้ดูคลิปที่คุณจ๊อบ Martinphu รีวิวรองเท้าคูนี้ไว้ละเอียดดีมากเลยครับ
Fugashin Shoes Maker เป็นแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น แต่โรงงานผลิตจะอยู่ที่ประเทศเวียดนาม

ส่วนการซื้อรองเท้าคู่นี้ เนื่องจากยังเป็นช่วงโควิดระบาด และผมรู้อยู่แล้วว่าตัวเองใส่ไซส์อะไรอยู่ จึงตัดสินใจซื้อจากทางร้าน The Decorum ผ่านทาง Line application โดยได้ chat กับทางพนักงาน สอบถามเรื่อง Last และเรื่องไซส์ ให้แน่ใจว่าเราใส่ได้แน่ๆ แล้วจึงโอนเงิน online แล้วให้ทางร้านส่งของมาที่บ้าน ถ้าจำไม่ผิด แค่ 1 วัน รองเท้าก็มาส่งที่บ้านใน Package อย่างดี กล่องและรองเท้ามาในสภาพสมบูรณ์ทุกอย่างครับ

Black Tassel Loafer

Brand: Mango Mojito

Last: ML Last

Structure: Goodyear-Welted with Closed Channel

Price: THB 5,880.00

Black Tassel Loafer ML Last จากทาง Mango Mojito

ตามที่เกริ่นไว้ในคู่ก่อนหน้านี้นะครับ พอมี Penny Loafer สีดำแล้ว ก็ถึงเวลาที่ผมตัดสินใจซื้อ Tassel Loafer สีดำบ้าง จะเห็นว่าผมก็ใช้หลักการคิดแบบเดียวกับตอนที่ผมเลือกซื้อรองเท้าซื้อน้ำตาล เพียงแค่ว่า สำหรับผมแล้ว ผมสามารถนำรองเท้าน้ำตาลมาใส่กับเสื้อผ้าที่ผมมี และสามารถใส่ไปในโอกาสต่างๆ ได้หลากหลายกว่า รองเท้าสีดำ

ซึ่งจริงๆ แล้ว เพื่อนๆ อาจจะตัดสินใจเลือกซื้อรองเท้าสีดำก่อนก็ได้ อันนี้มันไม่มีผิดหรือถูกนะครับ อยู่ที่ความสะดวกของแต่ละบุคคลเลยครับ เพราะรองเท้า Penny และ Tassel สีดำ ก็สามารถเอาไปใส่ แต่งตัวได้หลากหลายเช่นกัน

แบรนด์ Mango Mojito เป็นของคนไทย ที่น่าสนับสนุน

ที่ผมตัดสินใจเลือกซื้อแบรนด์ Mango Mojito ก็มาจากการศึกษารีวิว จากแหล่งต่างๆโดยเฉพาะเว็บ MenDetails ได้เขียนโพสรีวิวเกี่ยวกับ Mango Mojito ไว้โดยเฉพาะ และพอได้คุยกับทางร้านทำให้ทราบว่า ทางร้านมี option ให้เราเลือกได้ด้วยว่า จะเลือกพื้นรองเท้าเป็น Closed Channel (คือการทำพื้นรองเท้าที่ซ่อนรอยเย็บไว้ใต้แผ่นหนังอีกที โดยปกติถ้าเป็นแบรนด์อื่นๆ จะทำเฉพาะในรุ่น hi-grade เท่านั้น) หรือ จะเลือกติดพื้นยาง half-sole มาจากโรงงานได้เลย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกด้วย

กางเกงผ้า wool ผสมตัวนี้เป็นของ Zara ผมใส่มาน่าจะเกิน 10 ปีแล้ว ยังสภาพดีอยู่เลย

และด้วยอีกเหตุผลนึง คือผมต้องการสนับสนุนสินค้าที่คิด และผลิตด้วยฝีมือคนไทย ซึ่งแบรนด์ Mango Mojito ก็เป็นแบรนด์รองเท้าคนไทยที่เปิดมานาน น่าเชื่อถือ และยังพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง และมีโรงงานผลิตรองเท้าเป็นของตัวเอง

บทสรุป

ก็จบไปแล้ว 4 คู่แรกนะครับสำหรับโพสนี้ จะเรียกได้ว่า เป็น 4 คู่ที่เป็น Essential item สำหรับการเริ่มต้นแต่งตัวสไตล์ Classic Menswear ของผมก็ว่าได้นะครับ เพื่อความกระชับ ผมจะขอเขียนเกี่ยวกับรองเท้าอีก 4 คู่ที่เหลือ ที่จะเริ่มมีลูกเล่น มีรูปแบบที่สนุกขึ้น มีสีสันมากขึ้น ในโพสถัดไปนะครับ และผมจะเขียนสรุปให้เพื่อนๆ ทราบด้วยว่า จากที่ผมใส่รองเท้าทั้งหมดประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา ผมชอบใส่คู่ไหน? คู่ไหนใส่สบายที่สุด? คู่ไหนใส่น้อยที่สุด? และปัญหาที่ผมได้เจอมา อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ

สุดท้ายนี้ หากเพื่อนๆ มีข้อเสนอแนะ ข้อติชม เห็นด้วย หรือเห็นต่างตรงไหน สามารถเขียนมาในช่องคอมเม้นท์ด้านล่างได้เลยนะครับ ยินดีรับฟังความเห็นจากทุกๆ คน หากมีข้อมูลอะไรผิดพลาด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และฝากสนับสนุนผลงานของผมโดยการกดติดตาม IG: @mickyjicky (ตอนนี้สามารถดู Instagram Latest Feed และกดปุ่มติดตามได้จากหน้า Home แล้วนะครับ) ขอบคุณครับ

แล้วเจอกันใหม่ ในโพสถัดไปครับ!!

ห้า (5) ช่อง YouTube สำหรับหาความรู้ และแรงบันดาลใจ สำหรับการแต่งกายสไตล์ Classic Menswear

ก่อนอื่นผมต้องขอแจ้งว่า สำหรับโพสนี้ ผมได้ทำการเลือกเฉพาะช่องยูทูปที่เป็นของคนไทย เนื่องจากผมตั้งใจให้เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ตรงจากตัวผมเองในการค้นหาข้อมูล เมื่อผมเริ่มต้นสนใจวงการ Classic Menswear (เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว พ.ศ.2562)

ถึงแม้ว่า ณ ช่วงเวลานั้นจะไม่มีแหล่งข้อมูลมากมายนัก ช่องยูทูปของคนไทยก็ยังไม่หลากหลาย แต่ผมก็ยังรู้สึกโชคดีมากๆ เพราะว่า ทุกๆ ช่องยูทูป และช่องทาง social media ที่เกี่ยวกับ classic menswear ล้วนแต่เป็นคนเก่ง ที่มีทั้งความหลงไหล ความตั้งใจ และความจริงใจที่จะถ่ายทอดความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของตน เพื่อให้วงการ classic menswear ของคนไทย มีความเข้าใจมากขึ้น และขยายวงกว้างยิ่งขึ้น

ผมขอเรียงลำดับแต่ละช่องตามลำดับเวลาที่ผมได้ค้นเจอทางอินเทอร์เน็ต (ช่องไหนที่ผมเจอก่อนผมจะเอาไว้ลำดับแรก) และในแต่ละช่อง ผมขอขยายความโดยใช้หัวข้อดังต่อไปนี้

  • เนื้อหาหลัก
  • Playlist ที่น่าสนใจ
  • ความเห็น และข้อแนะนำว่าเหมาะกับใคร

สุดท้ายนี้ ผมหวังว่าบทความนี้ และสิ่งที่ผมนำเสนอจะช่วยให้ เพื่อนๆ ที่เริ่มแต่งตัวในสไตล์ classic menswear และกำลังอยากหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือกำลังอยากหาไอเดียในการแต่งตัวใหม่ๆ หรือแม้แต่เพื่อนๆ ที่กำลังเริ่มที่จะสนใจ ได้เข้าถึงและเข้าใจง่ายขึ้นนะครับ

มาเริ่มกันเลย!!

1)ช่อง TaninS: https://youtube.com/@TaninS

รูปจาก https://www.facebook.com/taninsblog

สำหรับคุณธนิน หรือที่ทุกคนเรียกว่า “คุณนิน” คงไม่ต้องแนะนำตัวกันเยอะ เพราะแทบไม่มีใครในวงการ Classic Menswear ไม่รู้จักเค้า และคงไม่ผิดที่จะบอกว่า คุณนิน เป็นคนแรกๆ ที่เริ่มให้พวกเรารู้จักคำว่า “Sartorial Style” และคำว่า “Classic Menswear” ในสื่อโซเชียลของคนไทย และแน่นอนช่อง TaninS เป็นช่องแรกที่ผมเจอ เมื่อผมพยายาม search หาข้อมูลใน YouTube

เนื้อหาหลัก

เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐาน และเทคนิคการแต่งตัวที่ขาดไม่ได้สำหรับการแต่งตัวสไตล์นี้ เราสามารถเรียนรู้ผ่านการรีวิวไอเท็มต่างๆ และเสริมด้วยการที่คุณนินลองใส่ไอเท็มเหล่านั้น และทำการ mix-n-match เป็นตัวอย่างให้เราเข้าใจมากขึ้น เพื่อให้เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับตัวเองได้ อีกทั้งมีการแนะนำร้าน ready-to-wear และช่างตัดสูท (Bespoke, MTM, MTO) รวมถึงไลฟ์สไตล์ส่วนตัวด้วย

Playlist ที่น่าสนใจ

ลองเข้าไปดู ‘VLOGs’, ‘How To’, ‘Review’, ‘Menswear Shopping’ ครับ

ความเห็น และข้อแนะนำ

ผมคิดว่าด้วยสไตล์เฉพาะตัวของคุณนิน บวกกับการอธิบายที่เข้าใจง่าย และงาน production ที่สวยงามและดึงดูดให้เราติดตามเสมอ ช่องนี้จำเป็นสำหรับทุกๆ คนครับ

2)ช่อง MartinPhu: https://youtube.com/@MartinPhu

รูปจาก https://www.facebook.com/Martinphu

สำหรับสุภาพบุรุษท่านนี้ ผมเชื่อว่าคุณจ็อบเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการแฟชั่น และสื่อโซเชียลของไทยเรามานาน จนเป็นที่รู้จักอย่างดีในวงการ อีกทั้งคุณจ๊อบยังเป็นผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์สอนการพัฒนาบุคลิกภาพ ให้กับสถาบันการศึกษา และบริษัทต่างๆ อีกจำนวนมาก และ(ถ้าผมจำไม่ผิด) คุณจ็อบยังเป็นเทรนเนอร์สอนการเดินแบบ ให้กับน้องๆ นายแบบ นางแบบอีกด้วย ผมค้นเจอช่อง MartinPhu ครั้งแรกด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับการรีวิว สินค้า luxury แฟชั่น เช่น กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ นาฬิกา ฯลฯ จนเมื่อไม่นานมานี้ คุณจ็อบได้สื่อสารกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ว่าตนเองจะเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว มาเป็น classic menswear นี่แหละครับ ผู้นำแทรนด์ตัวจริง

เนื้อหาหลัก

ทุกคนสามารถติดตามข้อมูลอัพเดทล่าสุด ไม่ว่าเป็นไอเท็ม เสื้อผ้า รองเท้า หรือช่างตัดสูทคนไหน ที่น่าสนใจ ได้จากช่อง MartinPhu ด้วยการถ่ายทำ และนำเสนอ แบบ “เรียลๆ” (ที่คุณจ็อบชอบพูด) เพื่อนๆ จะรู้สึกเหมือนได้ฟังเพื่อนคอเดียวกัน กำลังเล่าเรื่องราวดีๆ ให้ฟัง คุณจ็อบยังใช้ความเชี่ยวชาญ และสไตล์ส่วนตัว เพื่อสอดแทรกข้อแนะนำดีๆ ระหว่างการรีวิวอีกด้วย ที่สำคัญสิ่งที่คุณจ็อบเลือกมานำเสนอให้พวกเรานั้นมีความหลากหลาย และคลอบคลุมหลายช่วงราคา ไม่จำเป็นต้องเป็นของที่มีราคาสูงเสมอไป

Playlist ที่น่าสนใจ

ลองเข้าไปดู ‘Shoes’, ‘Accessory’, ‘Grooming’ หรือแค่คลิ๊กเข้าไปดู Recently VDO สำหรับเนื้อหาล่าสุด

ความเห็น และข้อแนะนำ

สำหรับผม ถ้าผมอยากรู้ว่ามีสินค้าอะไรใหม่ หรือร้านไหนกำลังอินเทรนด์ ผมจะเข้าไปดูในช่อง MatinPhu ครับ และถ้าใครกำลังมองหาคนที่สามารถแนะนำการแต่งตัวที่คลอบคลุมจบในที่เดียว รวมไปถึงคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการพัฒนาบุคคลิกภาพ และสไตล์การแต่งตัว ทุกอย่างอยู่ในช่องนี้ครับ

3)ช่อง The Decorum Menswear: https://youtube.com/@thedecorummenswear242

รูปจาก https://www.thedecorumbkk.com

สำหรับผม The Decorum เป็นเหมือนกับที่ทางร้านระบุไว้ใน สโลแกนว่า “Gentlemen’s Quarters” จริงๆครับ เพราะที่นี่คือ สถานที่แฮงค์เอาท์ของเหล่าสุภาพบุรุษที่รักการแต่งตัวสไตล์ Classic Menswear ของเมืองไทย ไม่ว่าใครกำลังคิดจะหาซื้อ เสื้อผ้า รองเท้า หรือจะตัดสูทตัวใหม่ The Decorum จะต้องอยู่ในลำดับต้นๆ ของทุกคน ผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 2 คนคือ คุณกาย และคุณบอล ยังตั้งใจอยากจะแบ่งปัน ความรู้ และข้อมูลต่างๆ ให้กับวงการนี้ จึงเกิดเป็นช่อง The Decorum Menswear ขึ้นมา

เนื้อหาหลัก

ทุกสิ่งที่ทุกคนควรจะรู้เกี่ยวกับการเริ่มต้นแต่งตัวสไตล์ Classic Menswear ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำตั้งแต่ประเภทของ สูท รองเท้า เนคไท แจ็กเก็ต ไปจนถึง การนำไปใส่ในโอกาสต่างๆ อย่างเหมาะสม และยังมีบทสัมภาษณ์ กูรูในแขนงต่างๆ celebrities เมืองไทย รวมทั้ง ช่างตัดสูทระดับโลก ที่มาจัด Trunk Show เป็นประจำที่ร้าน ที่รับรองว่าทุกๆ คนจะต้องได้แรงบันดาลใจ และไอเดียในการแต่งตัวใหม่ๆ อย่างแน่นอน

Playlist ที่น่าสนใจ

ลองเข้าไปดูใน ‘The Decorum’s Favorite Items’ หรือเข้าไปใน Recently VDO

ความเห็น และข้อแนะนำ

อย่างที่ผมเกลิ่นไว้ตอนต้นว่า The Decorum เป็นมากกว่าร้านเสื้อผ้า แต่เป็นแหล่งชุมนุมของคนที่สนใจสไตล์การแต่งตัว Classic Menswear อย่างแท้จริง ด้วยบรรยากาศ และการตกแต่งของร้าน เพื่อนๆ ไม่ต้องรู้สึกเกร็ง ที่จะเข้าไปเยี่ยมชมในร้าน (ผมก็เคยรู้สึกเช่นนั้นมาก่อน) เพราะพนักงานทุกคน รวมถึงคุณกาย และคุณบอล ยินดีและพร้อมที่จะให้คำแนะนำ อย่างเป็นกันเอง เช่นเดียวกับที่ช่อง The Decorum Menswear นำเสนอให้กับทุกคน

4)ช่อง Americano Taste: https://youtube.com/@AmericanoTaste

รูปจาก https://www.facebook.com/americanotaste

เมื่อผมได้พบกับช่อง Americano Taste และได้ชมคลิปต่างๆ ในช่อง ผมทั้งทึ่งและทั้งอยากรู้มาก ว่าคุณอาร์ม กรกฎ จะต้องใช้ทั้งเวลา และความพยายามมากขนาดไหน ในการค้นหา และเตรียมข้อมูลต่างๆ เพราะในแต่ละ Episode นั้น ผมกล้าบอกได้เลยว่า มันคือการสรุป รวบรวมข้อมูลที่ลึกซึ้ง โดยที่พวกเราไม่ต้องไปอ่านหนังสือหลายๆ เล่ม หรือค้นหาข้อมูลตามแหล่งต่างๆ แต่คุณอาร์ม ได้เรียบเรียง วิเคราะห์ และสรุปรวบยอดความคิด แล้วมาวางพร้อมเสริฟตรงหน้าให้พวกเราทุกคน (ผมไม่ทราบว่าจะหาแหล่งข้อมูลเชิงลึกแบบนี้ได้ที่ไหนอีกแล้วครับ) และคุณอาร์มยังมีสไตล์ส่วนตัว ที่ผมชื่นชม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่มีใครเหมือนจริงๆ

เนื้อหาหลัก

ใน Episode แรกๆ ของช่อง Americano Taste จะแนะนำหนังสือหลายเล่มที่ทุกคนควรอ่าน เพื่อปูพื้นฐานในการสร้างสไตล์ส่วนตัว ผมชอบในความเป็น Academic based แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อ เพราะเนื้อหา ที่คุณอาร์มนำเสนอ และวิธีการอธิบาย การเล่าเรื่องล้วนน่าสนใจ น่าติดตามทั้งสิ้น เนื้อหาที่คุณอาร์มพยายามนำเสนอ มันไปเหนือกว่าแค่การพยายามแต่งตัว เพื่อภาพลักษณ์ภายนอก แต่มันไปแตะถึงระดับการจัดระเบียบความคิด เพื่อให้เป็นพื้นฐานที่มั่นคง และชัดเจนว่าเราใช้ความคิดอะไร เพื่อตัดสินใจเลือกไอเท็มต่างๆ ในทุกๆ วันของเรา และยังมีหลายๆ Episode ที่เล่าถึง ประวัติศาสตร์ของแฟชั่น ศิลปะ รวมถึงวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และบุคคลสำคัญๆ ในประวัติศาสตร์ทั่วโลก ทั้งหมดนี้คุณไม่สามารถไปหาได้จากช่องทางอื่นแล้วครับ

Playlist ที่น่าสนใจ

อยากให้เข้าไปลอง ‘Americano Podcast’ ก่อน แล้วตามด้วย ’Style Talk’, ‘Fabric 101’, ‘Style Opinion’

ความเห็น และข้อแนะนำ

ในช่องยูทูปอื่นๆ ส่วนใหญ่จะนำเสนอให้เราทราบถึงประวัติของแบรนด์ และที่มาของเสื้อผ้า สูท รองเท้าประเภทต่างๆ แบบกระชับ แต่สำหรับช่อง Americano Taste คุณอาร์มจะนำเสนอแบบเจาะลึก พร้อมทั้งใช้ประสบการณ์ และความเชียวชาญที่อยู่ในวงการงานเขียน แฟชั่นแม็กกาซีน และการทำงานที่ร้าน The Somchai มาอธิบาย และสรุปในมุมมองที่น่าสนใจมากๆ ถ้าใครที่กำลังมองหาข้อมูลเชิงลึก และกำลังค้นหา สไตล์ของตนเอง ช่อง Americano Taste คือสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

5)ช่อง Signore Closet: https://youtube.com/@SignoreCloset

รูปจาก https://www.facebook.com/signorecloset

สำหรับน้องเล็กในวงการ Classic Menswear ผมขอมอบรางวัล “ความเกรียน” และ “ความขบถเล็กๆ” ให้กับช่อง Signore Closet ทั้งคุณเป้ และคุณแม็ค (ผู้ร่วมก่อตั้ง) เป็นบุคคลที่มีความสามารถล้นเหลือ และเต็มไปด้วยความหลงใหลในสไตล์ Classic Menswear และจากการที่ผมติดตามทั้งสองท่านในช่องนี้ ทำให้ผมตัดสินใจตัดสูท Bespoke ตัวแรกที่ร้าน The Primary Haus (ไว้ผมจะเล่าประสบการณ์เรื่องนี้แน่ๆ ในโพส ต่อๆ ไป) ด้วยการนำเสนอในแบบที่เป็นกันเอง แฝงด้วยอารมณ์ขัน แต่ก็ยังเต็มไปด้วยข้อมูล ความรู้ ที่น่าสนใจ สามารถทำให้ทุกคนรู้สึกว่า การแต่งตัวสไตล์ Classic Menswear นั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด

เนื้อหาหลัก

เริ่มตั้งแต่ความรู้พื้นฐาน ในทุกๆ ไอเท็ม ที่ทุกคนควรได้รู้จัก และเข้าใจ ในสไตล์ Classic Menswear ไปจนถึงการนำเสนอลุคที่เป็นแนววินเทจแท้ๆ (ถ้าเพื่อนๆ สนใจอยากไปให้สุด) โดยคุณเป้ และคุณแม็ค ยังมีจุดเด่นในการสอนให้รู้จักใช้ คำเรียกที่ถูกต้องขององค์ประกอบต่างๆ เช่นพวก รองเท้า เสื้อ Shirt และ Detail ต่างๆ ของชุดสูท นอกจากนี้ ทั้งสองคนยังพาให้ทุกคนไปรู้จักร้านต่างๆ ในการเลือกซื้อสินค้าใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ไปจนถึงร้านเสื้อผ้า มือสอง (ทั้งทาง online และทางหน้าร้าน) ที่เลือกมาแล้วอย่างดี จากประสบการณ์ตรงของทั้งสองหนุ่ม และที่พลาดไม่ได้เลยคือ การแนะนำให้รู้จักช่างตัดสูท ทั้งระดับโลกไปจนถึงช่างไทยที่มีฝีมือไม่แพ้ ช่างต่างชาติเลยครับ

Playlist ที่น่าสนใจ

ที่ไม่ควรพลาดเลยคือ ’Suit & Jacket’, ‘Classic Wear How-to’, ‘Fitting Room’, ‘Classic Menswear Second Hand stores Series’

ความเห็น และข้อแนะนำ

ด้วยความกวน และอารมณ์ขัน ทุกคนจะสนุกไปกับการเรียนรู้ และมีความเข้าใจ ในสไตล์ Classic Menswear มากขึ้นอย่างแน่นอน จากช่อง Signore Closet และที่แน่ๆ คือทุกคนจะได้แรงบันดาลใจ และไอเดียในการแต่งตัวใหม่ๆ จากทั้งคุณเป้ และคุณแม็ค อย่างมากมายแน่นอน

บทสรุป

ทุกวันนี้ เรามีช่อง YouTube และ Website เกี่ยวกับ Classic Menswear อีกมากมายที่ผมไม่สามารถกล่าวถึงได้หมดในโพสนี้ และช่องทางเหล่านั้นทั้งมีประโยชน์ และน่าสนใจไม่แพ้กัน ผมอยากแนะนำให้ทุกคนเข้าไปติดตามกันนะครับ

สุดท้ายนี้ หากทุกคนต้องการแนะนำ ติชม หรือออกความคิดเห็น จะเห็นด้วย หรือเห็นต่าง ผมยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นนะครับ สามารถเขียนลงมาในช่อง comment ข้างล่างได้เลยครับ และฝากสนับสนุนผลงานของผมโดยการ กดติดตาม IG @mickyjicky ขอบคุณครับ

แล้วเจอกันใหม่ ในโพสถัดไปครับ!!

Five (5) YouTube Channels for Classic Menswear knowledge & to get inspired

First of all, I have selected ONLY Thai YouTube Channels for this Blog post because I intend to curate this based on my own experience when I started getting into “The World of Classic Menswear” (about 3 years ago started in 2019).

I feel really lucky. Even though, back then, there were not so many Thai YouTubers sharing this knowledge BUT I can surely say that they are all talented and genuinely willing to share their expertise and experiences to make Thai classic menswear community growing bigger and healthier.

I also put them into a chronological manner (starts with the one that I discovered first and so on…) and I indicate each of them with the following topics:

  • Focus on
  • Playlists in hi-light
  • My opinion & recommendations

Lastly, I hope this would help filling the gap for the newbies who just started to look at the classic menswear and trying to find more information and trying to get some inspirations or just anyone who interested in the same topic.

Let’s get started!!

1)TaninS: https://youtube.com/@TaninS

Photo credit to https://www.facebook.com/taninsblog

Khun Tanin AKA Khun Nin doesn’t need an introduction in the classic menswear community. I think it’s not wrong to say that he is the very very first who introduced the words “Sartorial” and “Classic Menswear” into Thai Social Media. His channel is the first one that came up when I started searching on YouTube.

Focus on:

You can learn the basic understandings & techniques of what essential in classic menswear thru his product reviews together with his try-on or mix-n-match to see the different looks for your reference. Also you can learn where he purchased, his favorite tailors and his lifestyle as well.

Playlists in hi-light:

Try ‘VLOGs’, ‘How To’, ‘Review’, ‘Menswear Shopping’

My opinion & recommendation:

I think with his chill-but-yet-stylish character and together with an easy-to-understand way that he presented and beautiful production, I couldn’t recommend this channel enough for everyone.

2)MartinPhu: https://youtube.com/@MartinPhu

Photo Credit to https://www.facebook.com/Martinphu

Another gentleman who I believe that has involved in Thai fashion and social media for many many years. Khun Job is also an instructor for Personality Improvement courses at both educational institutions and private companies. If I’m not wrong, he’s also trainer for Fashion Model Catwalk. I found his channel firstly on the luxury brand name products such as bags, shoes, jewelries, watches, etc. Recently, he devoted himself by changing his whole wardrobe to the Classic Menswear style. He’s a truly “Trend Leader”.

Focus on:

You can learn the latest updates of Classic Menswear products, tailors, etc. from this channel. With his ‘Long Take’ productions, you can feel like listening to your good friend telling you good stories. Khun Job is using his styling expertise in his review as a plus and his selections have a wide price range and many product variations.

Playlists in hi-light:

Try ‘Shoes’, ‘Accessory’, ‘Grooming’, or just check his Recently VDOs

My opinion & recommendation:

If I wanna know what new or trendy in town, I always go check his channel. Also if you want to find a total solution to complete your new look or want to improve your style and personality, you will feel like at home here.

3)The Decorum Menswear: https://youtube.com/@thedecorummenswear2429

Photo Credit to https://www.thedecorumbkk.com/

This is exactly like what they wrote in the tag line of the store, a “Gentlemen’s Quarters” where all the well dressed & stylish gentlemen love to hangout. When we think about where to find Classic Menswear products, The Decorum is always on top of the list. Both co-founders; Khun Guy & Khun Ball are also generous enough to create a YouTube channel to share knowledge to the community.

Focus on:

All you need to now about how-to dress in Classic Menswear Style i.e. Suit, Shoes , Neckties, Jackets, Accessories, etc., you can find it here from the basic to the advanced tips & ticks in style recommendation. Also interview sessions with gurus, celebrities, and world class tailors that you will definitely get inspired.

Playlists in hi-light:

Check ‘The Decorum’s Favorite Items’ or just go for the Recently VDOs

My opinion & recommendation:

Like I mentioned above, The Decorum is more than a store. It is a place where all the classic menswear enthusiasts love to mingle. And please don’t feel intimidated by the look and atmosphere of the store ( I used to feel like that too), their staffs have good knowledge on the products and are very polite & friendly and always there to help you. The Decorum YouTube channel is also the same.

4)Americano Taste: https://youtube.com/@AmericanoTaste

Photo Credit to https://www.facebook.com/americanotaste

When I first discovered this channel, I felt really amazed on how much time & efforts that Khun Arm Korakot spent on his research of each episode. In each of every topic that he selected to share, I can surely say that it is a real ‘in-depth’ information which you don’t need to read all the various books by yourself BUT Khun Arm summarized and analyzed them and served in front of you (where else can you find something like this?). I also admired his personal style which is hard to find in others.

Focus on:

Start with the recommended books to create Personal Style, you can feel how academic based on this channel BUT all of his episodes are very interesting. They go beyond the look of what we dress but they touch into the ‘Mindset’ level; the way of thinking behind the decision that we select what to wear everyday. There are many episode that relate to the fashion history, culture, and iconic people which you cannot find in other channels.

Playlists in hi-light:

Try ‘Americano Podcast’, ‘Style Talk’, ‘Fabric 101’, ‘Style Opinion’.

My opinion & recommendation:

You can always find a brief history of the brands or products in many YouTube channels BUT in ‘Americano Taste’, Khun Arm always goes deeper and takes extra miles. For anyone who is interested in the real meaning of ‘Classic Menswear’ and seeking for ‘Personal Style’, this is THE MUST channel that you should not miss.

5)Signore Closet: https://youtube.com/@SignoreCloset

Photo Credit to https://www.facebook.com/signorecloset

Last but definitely not least, I give an ‘Avant-garde’ award to this channel. Khun Pae & Khun Mac; the co-founder of this channel, are very talented young gentlemen full with passion on the Classic Menswear Style. Because of this Channel, I decided to commissioned my 1st bespoke suite at the Primary Haus (more about this tailor in near future). They introduced the new way of educating about Classic Menswear which make me feel less intimidated with their easy going & down-to-earth character.

Focus on:

Covering from the basic of all items related to the Classic Menswear to the total Vintage & Rugged style (if you prefer) with the all technical terms which are very useful. Khun Pae & Khun Mac also take us to know where to find and how to choose the latest products up until the well-selected second hand stores (both brick & mortar store & in social media). They covered from renowned world class to the famous local Thai tailors.

Playlists in hi-light:

Must try ‘Suit & Jacket’, ‘Classic Wear How-to’, Fitting Room’, ‘Classic Menswear Second Hand stores Series’

My opinion & recommendation:

With their sense of humor, you will never get bored watching this channel and yet get to know more about Classic Menswear and definitely get tons of inspiration. Learning about Classic Menswear has never been easier with Signore Closet.

My Final Thought

Today there are more YouTube channels about Classic Menswear Style which I cannot mention them all here. But they are equally interesting and worth visiting which I highly recommend.
Lastly, please leave your comments or let me know what you guys think. Any opinion/recommendation are very welcome here.

Please consider to support my works by visiting & following my IG account @mickyjicky

Thank you & See you on the next post!!