มารู้จักที่มาของนาฬิการหัส W10 กันครับ ว่าทำไมผมถึงหลงรักนาฬิกาทหารจากฝั่งอังกฤษเรือนนี้ ตอนที่ 1

เป็นที่ทราบกันดีว่า หนึ่งในรูปแบบของนาฬิกาที่ถูกเอามาเป็นต้นแบบในการออกแบบนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำอีก และยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็คือ “นาฬิกาที่ใช้ทางการทหาร” (Military Watch or Field Watch) ซึ่งต่อไปผมขอเรียกสั้นๆ ว่า “นาฬิกาทหาร” นะครับ

เนื่องด้วยต้นกำเนิดของนาฬิกาทหาร ที่ถูกออกแบบด้วยพื้นฐานหลัก คือ

  1. ต้องอ่านเวลาได้อย่างชัดเจน และรวดเร็ว (Legible)
  2. ต้องมีกลไกที่เที่ยงตรง และตัวเรือนที่ทนทาน (Dependable)
  3. ต้องสวมใส่ได้อย่างสบาย และคล่องตัว (Comfortable)
WWW Watch หรือที่เรียกชื่อเล่นกันว่า “Dirty Dozen” เรือนนี้ผลิตโดย Grana (Source: www.hodinkee.com)

จะเห็นได้ว่า ด้วยหลักการออกแบบทั้ง 3 ข้อด้านบนนั้น แทบจะเป็นหลักการพื้นฐานในการออกแบบนาฬิกาทุกเรือนที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ และด้วยการยึดหลักการออกแบบเดังกล่าวจึงไม่ผิดนักที่จะพูดว่า นาฬิกาทหารนั้น เป็นนาฬิกาเพื่อการใช้งานอย่างแท้จริง (Tool Watch) โดยไม่คำนึงถึงความสวยงาม และตัดงานออกแบบที่ไม่มีความจำเป็นออกไป (Form Follow Function หรือจะเรียกว่า Form is Function ก็ยังได้)

ประวัติของนาฬิกาทหารจากฝั่งอังกฤษ

เนื่องจากนาฬิการหัส W10 นั้น มีต้นกำเนิดมาจากทางกองทัพประเทศอังกฤษ ดังนั้นในบทความนี้ผมจึงขอเล่าที่มาของนาฬิกาทางการทหารที่ใช้ในกองทัพอังกฤษเท่านั้น ว่ามีจุดเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และได้มีวิวัฒนาการต่อมาอย่างไร จนมาถึงนาฬิกา W10 ซึ่งพอเราได้ทราบถึงที่มา และเรื่องราวต่างๆแล้วจะทำให้เรายิ่งเข้าใจมากขึ้น เพราะทุกอย่างมันเกิดมาจากความจำเป็น และความเป็นความตายของชีวิตทหารในสนามรบจริงๆ

ขอแจ้งให้ทราบนะครับว่า ในประวัติศาสตร์ของนาฬิกาทหารนั้น ยังมีเรื่องราวของทางฝั่งประเทศอื่นๆ อีก เช่น กองทัพฝรั่งเศส กองทัพเยอรมัน กองทัพสหรัฐอเมริกา และกองทัพปลดปล่อยประชาชนของประเทศจีน ซึ่งจริงๆ แล้วในแต่ละประเทศก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน หากมีโอกาสผมจะเขียนถึงในอนาคตนะครับ

สงคราวโลกครั้งที่ 1 (คศ 1914-1918 หรือ พศ 2457-2461)

ระยะเวลา 4 ปี ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 และในปี 2457 ประเทศไทยได้เปิดบริการ ท่าอากาศยานดอนเมือง และโรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นครั้งแรก

ก่อนหน้าสงครามจะเริ่มต้น คุณผู้ชายส่วนใหญ่ใช้นาฬิกาพก (Pocket Watch) เป็นหลัก ส่วนนาฬิกาข้อมือก็มีแล้วนะครับ แต่มีไว้สำหรับสุภาพสตรี และถือว่าเป็นเครื่องประดับ ของสวยงามของเหล่าชนชั้นสูง

The British Army in the United Kingdom 1939-45 (Source: www.iwm.org.uk)

เมื่อสงครามเริ่มต้น เหล่าทหารเริ่มเห็นความไม่สะดวกในการใช้นาฬิกาพกในสนามรบ เพราะกว่าจะหยิบนาฬิกาออกมาจากกระเป๋า เปิดฝาครอบเพื่ออ่านเวลา แล้วยังจะต้องปิด และเก็บกลับเข้ากระเป๋าอีก

ในช่วงเวลาความเป็นความตาย กับการวิ่งในสนามรบขึ้น ลง ในหลุมหรือร่องดิน (Trench) เพื่อหลบกระสุน และระเบิดจากข้าศึก จึงเริ่มมีการนำเอานาฬิกา pocket watch มาดัดแปลงโดยการเพิ่มลวด เพื่อให้สามารถนำสายมารัดไว้ที่ข้อมือ ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของนาฬิกาแบบใหม่ที่เรียกว่า “Trench Watch” เป็นครั้งแรก

ตัวอย่างนาฬิกา trench watch รุ่นแรกๆ ปี 1914 ที่ดัดแปลงมาจากนาฬิกาพก จะเห็นว่าหน้าปัดยังเป็น enamel และยังไม่มีสารเรืองแสง (Source: www.anordain.com)

นาฬิกา Trench Watch ถือว่าเป็นรอยต่อระหว่าง Pocket Watch และ Wristwatch ซึ่งในเวลานั้นทหารยังต้องหาซื้อนาฬิกาเหล่านี้กันเอง ทางกองทัพและรัฐบาลยังไม่ได้มีการจัดหาให้แต่อย่างใด

ต่อมาเริ่มมีการใช้สารเรืองแสง แต้มลงบนหลักชั่วโมง และเข็มนาฬิกา (คือ Radium ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสี) และใช้การบอกค่าแบบ 24 ชั่วโมง ตามรูปแบบการบอกเวลาทางการทหาร ส่วนตัวเรือนถูกออกแบบให้ป้องกันน้ำ และฝุ่น และยังมีการเสริมวัสดุป้องกันกระจกหน้าปัดแตกอีกด้วย

หลังจากที่มีการพัฒนาการออกแบบรูปแบบหน้าปัดนาฬิกาแบบต่างๆ จึงเริ่มเป็นที่ยอมรับกันว่า การใช้รูปแบบหน้าปัดที่ใช้ตัวเลข และเข็มเป็นสีขาว บนพื้นหลังสีดำนั้น เป็นการออกแบบที่ทำให้อ่านค่าชัดเจน และรวดเร็ว มากกว่าตัวเลขและเข็มสีดำบนพื้นหลังสีขาว จนกลายมาเป็นมาตราฐานของนาฬิกาทหารต่อมาจนถึงปัจจุบัน

รูปแสดงเปรียบเทียบให้เห็น รูปซ้ายเป็น trench watch จากปี 1914 และรูปขวาเป็นของปี 1918 จะถึงความแตกต่างของรูปแบบ และจะเห็นได้ว่า การใช้ตัวเลข และเข็มสีขาว บนพื้นหลังสีดำ จะทำให้อ่านค่าได้ชัดเจนและรวดเร็วกว่า (Source: www.anordain.com)

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง เหล่าทหารผ่านศึกต่างเดินทางกับภูมิลำเนา พร้อมกับนาฬิกา trench watch ของพวกเขา ดังนั้นภาพลักษณ์ของนาฬิกาข้อมือที่เคยวางไว้สำหรับสุภาพสตรีเท่านั้นจึงหมดไป แต่กลับเป็นที่ยอมรับว่านาฬิกาข้อมือนั้น สามารถใส่ได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง พร้อมกับการเสื่อมความนิยมของนาฬิกา pocket watch ตั้งแต่ช่วงเวลานั้น

สงครามโลกครั้งที่ 2 (คศ 1939-1945 หรือ พศ 2482-2488)

ระยะเวลา 6 ปี ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 8 และในปี 2482 สยามประเทศ เปลี่ยนชื่อเป็น ประเทศไทย และประเทศไทยยังแสดงความเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

21 ปี หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 1 นาฬิกาข้อมือเป็นที่นิยมสำหรับผู้ชายโดยทั่วไป อย่างไรก็ดี ทางกองทัพอังกฤษยังมีการใช้นาฬิกา pocket watch ในกองทัพอยู่บ้าง (สำหรับนายทหาร เจ้าหน้าที่ระดับสูง) โดยใช้รหัส GSTP – General Service Time Piece สลักไว้ที่ด้านหลังตัวเรือน

ในระหว่างสงคราม เริ่มมีการใช้นาฬิกาข้อมือให้สำหรับกองทัพบกอังกฤษ ที่มีชื่อเรียกว่า ATP – Army Time Piece หรือ Army Trade Pattern ซึ่งนาฬิกา ATP ถึงแม้ว่าจะเริ่มใส่สเปคฯ พิเศษ เช่น การมองเห็นในเวลากลางคืน แต่โดยพื้นฐานหลัก ยังใกล้เคียงกับนาฬิกาสำหรับพลเรือน โดยที่ตัวเรือนส่วนใหญ่ผลิตจากทองเหลืองชุบโครเมียม (Chrome Plated Brass) และยังมีส่วนน้อยที่ตัวเรือนเป็นสแตนเลสสตีล ส่วนกลไกจะเป็นไขลาน ผลิตจากสวิส แต่จำนวนที่ผลิตให้กับกองทัพอังกฤษนั้น เทียบไม่ได้กับที่ทางสวิสผลิตให้กับทางฝ่ายอักษะ (กองทัพ เยอรมัน อิตาลี และญี่ปุ่น)

ส่วนนาฬิกาสำหรับกองทัพอากาศอังกฤษ (หลายๆ คนน่าจะคุ้นกับตัวย่อ RAF – Royal Air Force) จะมีมาตราฐาน และสเปคที่สูงกว่านาฬิกาสำหรับกองทัพบกเป็นอย่างมาก เนื่องจากนักบินนั้นต้องการความเที่ยงตรงที่สูงกว่า เพื่อภารกิจสำคัญ เช่น การทิ้งระเบิด การนำทาง และรวมไปถึงการคำนวณปริมาณเชื้อเพลิง และระยะเวลาที่เหลือในการบิน

นาฬิกาสำหรับกองทัพเรืออังกฤษ (Royal Navy) ที่ใช้เป็นหลักสำหรับภารกิจสำหรับเรือดำน้ำ จะเป็นนาฬิกาจับเวลา (Stopwatch) เพื่อคำนวณระยะห่างของเรือดำน้ำข้าศึก โดยใช้ชื่อรหัสย่อว่า ASDIC – Allied Submarine Detection Investigation Committee แต่บางแหล่งเห็นว่า ตัวย่อ ASD – Anti Submarine Division น่าจะถูกต้องกว่า

นาฬิกา WWW – WristWatch Waterproof ทั้งหมด 12 แบรนด์จากสวิสฯ ที่มีของฉายา Dirty Dozen (Source: www.acollectedman.com)
ตารางแสดงจำนวนที่ผลิตนาฬิกา www ของแต่ละแบรนด์ จาก Konrad Khirim’s Book “British Military Timepieces” (Source: www.acollectedman.com)

จนมาถึงช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงเวลาของ WWW – WristWatch Waterproof ซึ่งนาฬิการหัส WWW นี้ถูกผลิตบนพื้นฐานสเปคจากทาง Britrain’s Ministry of Defence (MoD) และถือว่าเป็นนาฬิกาชุดแรกที่เป็นการจัดซื้อจัดจ้างโดยทางกองทัพอังกฤษ โดยมีบริษัทผลิตจากประเทศสวิสฯ ทั้งหมด 12 แบรนด์ได้เซ็นสัญญาผลิตนาฬิกาให้กับกองทัพอังกฤษ ได้แก่ Buren, Cyma, Eterna, Grana, Jaeger Le-coultre, Lemania, Longines, IWC, Omega, Record, Timor, Vertex จึงเป็นที่มาของอีกชื่อที่ใช้เรียกนาฬิกาแบบนี้ว่า “Dirty Dozen” โดยเริ่มผลิตออกใช้งานในปี 1945 มีการประเมินไว้ว่านาฬิกา WWW ถูกผลิตออกมาทั้งหมดประมาณ 145,000 เรือน (โดยแต่ละแบรนด์ผลิตในจำนวนไม่เท่ากัน บางแบรนด์ผลิตจำนวนสูงหลักหมื่น ในขณะที่บางแบรนด์ผลิตเพียงหลักพันเรือนเท่านั้น)

สเปคจากทางกองทัพฯ สำหรับนาฬิกา Dirty Dozen ระบุไว้ว่าตัวเรือนต้องผลิตจากวัสดุสแตนเลสสตีล ต้องมีคุณสัมบัติในการกันน้ำ กลไกยังคงเป็นไขลานแต่ให้มีมาตราฐาน ความเที่ยงตรง และคุณภาพที่สูงขึ้น และยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก เช่น การใช้ตัวเลขบอกหลักชั่วโมง รูปแบบเข็ม การแต้มสารเรืองแสงสีขาว บนพื้นหลังสีดำ โดยทั้งหมดนี้ได้นำไปสู่การวางรากฐานใหม่ และสร้างรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ (Iconic) ให้กับนาฬิกากองทัพอังกฤษในเวลาต่อมา

Grana คือบริษัทที่ผลิตจำนวนน้อยที่สุด 1,000-1,500 เรือน ถือเป็นตัว rare ที่สุดใน 12 แบรนด์ (Source: www.acollectedman.com)
นาฬิกา WWW จาก IWC พร้อม original box (Source: www.acollectedman.com)

บทสรุป

จะเห็นไว้ว่าหมุดหมายสำคัญ ของเรื่องราวในช่วงนี้คือ ต้นกำเนิดของนาฬิกาข้อมือสำหรับผู้ชายเริ่มเมื่อตอนต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ผมต้องขอจบตอนที่ 1 ณ ช่วงเวลาสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของนาฬิกา WWW ไว้เท่านี้ เพื่อไม่ให้บทความนี้ยาวจนเกินไป แล้วตอนต่อไปเราจะเดินทางต่อไปในช่วงสงครามเย็น ซึ่งนาฬิกา W10 ได้ถึงกำเนิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว อย่าลืมมาติดตามกันต่อนะครับ

ข้อมูลทั้งหมดในบทความนี้ ผมได้ค้นคว้ามาจากหลายๆ บทความจากทางต่างประเทศซึ่งเขียนไว้อย่างดีมาก แล้วจึงมาสรุปมาให้ทุกคนได้อ่านเป็นภาษาไทย เป็นข้อๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้นกันนะครับ ถ้าหากเพื่อนๆ สนใจอยากเข้าไปอ่านเพิ่มเติม สามารถคลิ๊กที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

หากเพื่อนๆ มีข้อเสนอแนะ ข้อติชม เห็นด้วย หรือเห็นต่างตรงไหน สามารถเขียนมาในช่องคอมเม้นท์ด้านล่างได้เลยนะครับ ผมยินดีรับฟังความเห็นจากทุกๆ คน และหากมีข้อมูลอะไรผิดพลาด ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ และฝากสนับสนุนผลงานของผม มาให้กำลังใจกันโดยการกดติดตาม IG: @mickyjicky และ @my.six.point.five.inch.wrist กันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

แล้วเจอกันใหม่ ในโพสถัดไปครับ!!

One Reply to “มารู้จักที่มาของนาฬิการหัส W10 กันครับ ว่าทำไมผมถึงหลงรักนาฬิกาทหารจากฝั่งอังกฤษเรือนนี้ ตอนที่ 1”

  1. Good content, should do this in Youtube channel as well.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *